ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะทางธุรกิจของบริษัทลูกหลักของบริษัทคือ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงผลการประเมินฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัท ตลอดจนสถานะความเสี่ยงของบริษัทที่อยู่ในระดับปานกลาง รวมทั้งแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอ
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
สถานะทางธุรกิจที่สะท้อนโดย บล. คันทรี่ กรุ๊ป
สถานะทางธุรกิจของบริษัทตามงบการเงินรวมสะท้อนโดยสถานะทางธุรกิจของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป เป็นสำคัญ ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 นั้นบริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิจาก บล. คันทรี่ กรุ๊ป คิดเป็น 88% ของรายได้รวมและ 61% ของกำไรสุทธิของบริษัท ตามลำดับ ทั้งนี้ สถานะทางธุรกิจของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป มีปัจจัยสนับสนุนจากเสถียรภาพทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นจากสถานะทางการตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ นอกจากการถือหุ้นใน บล. คันทรี่ กรุ๊ป แล้ว บริษัทยังถือหุ้น 25% ในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากบริษัทร่วมดังกล่าวยังไม่มีนัยที่สำคัญ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงไม่ได้นำการกระจายตัวของแหล่งรายได้มาประกอบการพิจารณาสถานะทางธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด
การประเมินฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรอยู่ในระดับแข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งประเมินให้บริษัทมีฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่งโดยวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงที่ระดับประมาณ 20% โดยเฉลี่ย 5 ปี (2561-2565) ทริสเรทติ้งคาดว่าฐานทุนของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าโดยได้รับแรงหนุนจากกำไรสะสมที่เกิดจากความสามารถในการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นและจากนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ระมัดระวังของบริษัท อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนในอนาคตของบริษัทที่นำไปสู่ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกดดันฐานทุนและอันดับเครดิตของบริษัทได้
ในการประเมินสถานะฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทนั้นทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงความสามารถในการสร้างผลกำไรในระดับปานกลางของบริษัทอีกด้วย โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะดำรงความสามารถในการสร้างผลกำไรได้ในระยะปานกลางโดยมีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับประมาณ 0.5% โดยเฉลี่ย 5 ปีเนื่องจากทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งขึ้นจากบริษัทลูกหลักคือ บล. คันทรี่ กรุ๊ป จะเป็นปัจจัยที่สร้างความแข็งแกร่งให้แก่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอย่างต่อเนื่องในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า
สถานะทางความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง
ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีสถานะทางความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลางซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนจากนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทลูกหลักของบริษัท อีกทั้งทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะดำรงกลยุทธ์การลงทุนที่ระมัดระวังเนื่องจากในมุมมองของทริสเรทติ้งนั้นบริษัทถือว่ามีนโยบายการลงทุนที่รอบคอบ โดยบริษัทมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่สร้างกระแสเงินสดแก่บริษัทในทันทีหรือช่วยกระจายแหล่งรายได้ให้แก่บริษัท
สถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับปานกลาง
ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีสถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับปานกลางโดยมีอัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพโดยเฉลี่ย 5 ปี (2561-2565) ที่ระดับประมาณ 113% และมีอัตราส่วนความครอบคลุมของสภาพคล่องที่ประมาณ 3 เท่าตามงบการเงินรวม โดยแม้ว่าบริษัทจะไม่มีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินใด ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน แต่พอร์ตเงินลงทุนของบริษัทก็สามารถเป็นแหล่งสภาพคล่องในยามจำเป็นได้ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 3.9 พันล้านบาท โดย 80% อยู่ที่ บล. คันทรี่ กรุ๊ป นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเสนอขายหุ้นกู้เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนได้อีกโดยบริษัทมีภาระหนี้หุ้นกู้คงเหลืออยู่ทั้งสิ้น 766.5 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2563
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2565 มีดังนี้
? ส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับประมาณ 2%
? อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.08%
? เงินลงทุนในบริษัทร่วมจะยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาท
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า บล. คันทรี่ กรุ๊ป ในฐานะที่เป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจในธุรกิจหลักทรัพย์และผลการดำเนินงานทางการเงินเอาไว้ได้ นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนการคาดการณ์ที่ว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับฐานทุนและภาระหนี้เอาไว้ได้ในขณะที่ยังคงดำรงนโยบายในการลงทุนที่ระมัดระวังไปด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตในทางที่ดีขึ้นนั้นอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะทางธุรกิจในทุก ๆ สายงานของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทลูกหลักของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจากระดับปัจจุบันเป็นระยะเวลาหนึ่งในขณะที่ความสามารถในการสร้างผลกำไรยังคงดำรงอยู่ นอกจากนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากการลงทุนในอนาคตของบริษัทนำมาซึ่งการกระจายตัวของแหล่งรายได้ที่เป็นรูปธรรม ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากรายได้หลักของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป หรือผลประกอบการทางการเงินของบริษัทเองปรับตัวลดลงอย่างมาก หรือภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากจนนำไปสู่สถานะที่อ่อนแอของฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไร
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- Securities Company Rating Methodology, 9 เมษายน 2563
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (CGH)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable