ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ทีเอ็มที สตีล” ที่ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 26, 2020 15:12 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทีเอ็มที สตีล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB? พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมเหล็กที่อยู่ในธุรกิจปลายน้ำ (Downstream) ของบริษัท รวมถึงการมีสินค้าที่ครอบคลุมกว้างขวาง ฐานลูกค้าที่หลากหลาย และความสามารถในการทำกำไรที่ดีกว่าคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากธรรมชาติที่เป็นวงจรขึ้นลงและการแข่งขันด้านราคาของอุตสาหกรรมเหล็ก ตลอดจนอัตรากำไรที่ผันผวนของบริษัท

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นผู้นำในธุรกิจค้าเหล็ก

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงตำแหน่งผู้นำทางการตลาดของบริษัทในการให้บริการด้านเหล็กแบบครบวงจร (Steel Solution Provider) ในประเทศไทย โดยรายได้ของบริษัทมีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มคู่แข่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งอยู่ในธุรกิจปลายน้ำด้วยกัน ทั้งนี้ ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเกิดจากการมีขนาดธุรกิจที่มีขอบเขตกว้างขวาง รวมถึงการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องซึ่งมีเป้าหมายเพื่อที่จะขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้มีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การขยายกำลังผลิตของบริษัทประกอบด้วยการสร้างโรงงานใหม่สำหรับการผลิตท่อเหล็กและการขยายพื้นที่คลังสินค้าให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างความแตกต่างจากผู้ค้าเหล็กรายอื่น ๆ ทั่วไปโดยการให้บริการด้านเทคนิคและคำปรึกษาเพื่อที่จะช่วยให้ลูกค้าบรรลุประสิทธิภาพในการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น กลยุทธ์ทางธุรกิจดังกล่าวส่งผลให้บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งตรงกันข้ามกับอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียงเล็กน้อย โดยยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นสู่จุดสูงสุดที่จำนวน 0.78 ล้านตันในปี 2562 หรือคิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 8.2% ต่อปี จากประมาณ 0.57 ล้านตันในปี 2558

มีสินค้าที่ครอบคลุมกว้างขวางและฐานลูกค้าที่หลากหลาย

การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการที่บริษัทมีสินค้าที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมทั้งสินค้าเหล็กชนิดแบน เหล็กชนิดยาว และสินค้าที่สั่งทำเฉพาะอีกด้วย โดยบริษัทวางตำแหน่งทางการตลาดของตนเองให้เป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์เหล็กเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One-stop Steel Supplier) เพื่อเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการที่บริษัทสามารถเข้าถึงตลาดที่หลากหลายและครอบคลุมนั้นจะช่วยทำให้ความผันผวนของความต้องการเหล็กที่บริษัทเผชิญอยู่ลดลงได้ โดยลูกค้าของบริษัทประกอบไปด้วยผู้ค้าส่งและตัวแทนจำหน่าย รวมไปถึงผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้รับแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก ตลอดจนผู้ผลิตที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทมีแนวโน้มที่จะอิงกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างมากยิ่งขึ้นโดยประเมินจากการเติบโตที่รวดเร็วของยอดขายท่อเหล็กโครงสร้าง ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตท่อเหล็กโครงสร้างอย่างต่อเนื่องโดยมีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าในภาคการก่อสร้างให้มากยิ่งขึ้น

ความสามารถในการทำกำไรที่เหนือกว่าคู่แข่ง

บริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระดับอัตรากำไรของบริษัทยังถือว่าสูงกว่าผู้ค้ารายอื่นๆ ส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงแม้ว่าจะมีความผันผวนอยู่บ้างก็ตาม ในขณะที่ผู้ค้ารายอื่น ๆ ประสบกับปัญหาขาดทุนและมีผลประกอบการที่มีความผันผวนมากกว่า

ทริสเรทติ้งมองว่าความสามารถในการทำกำไรที่ดีกว่าของบริษัทนั้นมีที่มาจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการด้านคำปรึกษาและความสามารถในการลดผลกระทบจากความผันผวนของเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน (Hot Rolled Coil -- HRC) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญได้ นอกจากนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพและการหมุนเวียนสินค้าคงคลังให้รวดเร็วเพื่อช่วยให้อัตรากำไรมีเสถียรภาพอีกด้วย

ความเสี่ยงจากวัฎจักรของอุตสาหกรรมและการแข่งขันด้านราคา

อุปสงค์เหล็กสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากเหล็กนั้นมีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการก่อสร้างและอุตสาหกรรมการผลิตซึ่งในทางกลับกันก็มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในระหว่างปี 2558-2562 อัตราการเติบโตของการบริโภคเหล็กภายในประเทศแกว่งตัวอย่างมากโดยอยู่ระหว่าง -14% ถึง 15% ต่อปี ในขณะที่อัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยคิดเป็นประมาณ 1.7% ต่อปีเท่านั้น

การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ส่งผลให้อุปสงค์ภายในประเทศลดลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการก่อสร้างและยานยนต์ ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างเวลาที่มีการปิดเมือง โครงการก่อสร้างต่าง ๆ เกิดความล่าช้า ในขณะที่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์นั้นจำเป็นต้องระงับการผลิต โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2563 การบริโภคเหล็กภายในประเทศลดลงถึง 14% เมื่อเทียบปีต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

สถานะเครดิตของบริษัทถูกลดทอนจากเผชิญต่อการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล็กเป็นสินค้าโภคภัณฑ์และมีการนำเข้าเหล็กมาจากประเทศจีน อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในด้านราคาของอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยนั้นเริ่มน้อยลงอันเป็นผลจากการอุปสงค์และอุปทานที่เริ่มมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทนั้นก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจาก 3.6% ในปี 2562 เป็น 6% ในเดือนช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563

อัตรากำไรที่ผันผวน

ทริสเรทติ้งมองว่าผลประกอบการของบริษัทนั้นมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบถึงแม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทจะมีความผันผวนต่อราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนน้อยกว่าบริษัทอื่น ๆ ก็ตาม การเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็วของราคาแผ่นเหล็กรีดร้อนยังคงมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรของบริษัท โดยในช่วงปี 2558-2562 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทมีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากโดยเพิ่มขึ้นจาก 0.63 พันล้านบาทในปี 2558 สู่จุดสูงสุดที่ 1.35 พันล้านบาทในปี 2559 ก่อนที่จะลดลงเหลือ 0.6 พันล้านบาทในปี 2562 โดยอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทก็แกว่งตัวอยู่ในวงกว้างเช่นกันโดยอยู่ในช่วง 3.6%-10.9%

คาดว่าสถานะทางการเงินจะปรับตัวดีขึ้น

ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าสัดส่วนการก่อหนี้ของบริษัทจะลดลงมาอยู่ในระดับปานกลางและสอดคล้องกับอันดับเครดิตที่ได้รับ ราคาเหล็กที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนั้นส่งผลดีต่อบริษัทโดยทำให้ความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนลดลงอย่างมาก หนี้สินทางการเงินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทลดลงเหลือ 3.8 พันล้านบาทในปี 2562 และประมาณ 3.5 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2563 จาก 4.4 พันล้านบาทในปี 2561 ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังไม่มีการใช้เงินทุนจำนวนมากซึ่งจะส่งผลทำให้ระดับภาระหนี้สินไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมากในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 55%

ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบในระดับปานกลางจากการหดตัวของอุปสงค์เหล็กอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทั้งนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ายอดขายของบริษัทจะลดลงเพียงประมาณ 5% ในปี 2563 ซึ่งถือว่าดีกว่าตลาดในภาพรวม อนึ่ง หากกิจกรรมการก่อสร้างฟื้นตัว ทริสเรทติ้งก็คาดว่ายอดขายของบริษัทจะดีขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีรายได้ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทในปี 2563 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5-1.7 หมื่นล้านบาทในปีถัด ๆ ไป

กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามอุปสงค์เหล็กที่เริ่มดีขึ้น ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ 0.8-1.1 พันล้านบาทต่อปีและอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะลดลงเป็น 3-4 เท่าในช่วงปี 2563-2565 จาก 6.3 เท่าในปี 2562

มีสภาพคล่องเพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทนั้นจะยังคงมีเพียงพอในอีก 12 เดือนข้างหน้า แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยประมาณการเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 0.8 พันล้านบาท เงินสดจำนวน 0.19 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2563 และวงเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 7 พันล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนเหล่านี้เพียงพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้นจำนวน 0.5-0.75 พันล้านบาทสำหรับการลงทุนและเงินปันผลจ่ายในช่วงเวลาประมาณการ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในเดือนเมษายน 2564 ที่จะถึงนี้

บริษัทยังคงสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินของหุ้นกู้ได้ โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนอยู่ที่ประมาณ 1.19 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2563 เปรียบเทียบกับเงื่อนไขที่กำหนดไว้ที่ระดับไม่เกิน 2 เท่า

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? ปริมาณเหล็กที่จำหน่ายจะลดลงประมาณ 5% ในปี 2563 ก่อนที่จะฟื้นตัวมาอยู่ที่ประมาณ 4%-7% ต่อปีในช่วงปี 2564-2565

? อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะกลับมาอยู่ในช่วง 6%-7%

? เงินลงทุนรวมจะอยู่ที่จำนวนประมาณ 0.83 พันล้านบาทในช่วงปี 2563-2565

? อัตราการจ่ายเงินปันผลจะอยู่ที่ระดับ 90%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและความสามารถในการทำกำไรที่สูงกว่าคู่แข่งเอาไว้ได้ ทริสเรทติ้งยังเชื่อด้วยว่าบริษัทจะยังคงมีการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างรอบคอบและจะยังคงรักษาวินัยในการตั้งราคาสินค้าเช่นเดิม

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากขนาดธุรกิจของบริษัทขยายเพิ่มมากขึ้น หรือหากฐานกระแสเงินสดของบริษัทมีการขยายเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับปัจจุบันอย่างยั่งยืน อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทลดต่ำลงกว่าประมาณการจนส่งผลกระทบทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ แรงกดดันในด้านลบต่ออันดับเครดิตก็อาจเกิดจากการลงทุนที่มีภาระหนี้สูงหรือความต้องการเหล็กในประเทศที่ลดลงเป็นระยะเวลายาวนานได้อีกเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
  • วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ทีเอ็มที สตีล จำกัด (มหาชน) (TMT)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ