ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?AA+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่บริษัทได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?AAA? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? จากทริสเรทติ้ง โดยอันดับเครดิตได้รับการยกระดับจากสถานะเครดิตเฉพาะของบริษัทเนื่องจากทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
สถานะเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งจากความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของบริษัท ตลอดจนการมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องที่เพียงพอ และคุณภาพสินทรัพย์ที่มีการจัดการเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงในระดับหนึ่งจากความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่รุนแรงซึ่งอาจจะกดดันอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อ นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอยืดเยื้อจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โรคโควิด 19) ก็อาจส่งผลทำให้คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ทริสเรทติ้งเห็นว่าสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะคงอยู่ต่อไปในระยะเวลาที่ยาวนาน บริษัทได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินอย่างมีนัยสำคัญจากธนาคารแม่ซึ่งช่วยส่งเสริมสถานะความเป็นผู้นำทางการตลาดในธุรกิจหลักและยกระดับความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัท
บริษัททำหน้าที่เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อในธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยบริษัทได้ใช้เครือข่ายสาขาของทางธนาคารในการปล่อยสินเชื่อใหม่และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระหว่างบริษัทต่าง ๆ ที่อยู่ในเครือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา นอกจากนี้ บริษัทยังมีหน้าที่ดูแลการขายประกันและติดตามหนี้ให้แก่ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารอีกด้วย ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริษัทย่อยประเภท Solo Consolidation ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัทได้รับการสนับสนุนทางการเงินในรูปของเงินทุนจำนวน 2.55 หมื่นล้านบาทและวงเงินกู้ยืมจากทางธนาคารซึ่งช่วยให้บริษัทมีสถานะสภาพคล่องที่แข็งแรงและช่วยในการขยายธุรกิจในระยะยาว
สถานะผู้นำทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์
บริษัทยังคงสถานะผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดแม้ว่าสินเชื่อจะมีการหดตัวลงจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เช่นเดียวกับบริษัทส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 สินเชื่อใหม่ของบริษัทหดตัวลงประมาณ 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 พอร์ตสินเชื่อรถจักรยานยนต์คงค้างของบริษัทอยู่ที่ 3.28 หมื่นล้านบาท และส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 44.5%
จุดแข็งของบริษัทเกิดจากปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ได้แก่ 1) ความสามารถในการใช้สาขาของธนาคารแม่เป็นช่องทางให้บริการ 2) การมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานและแข็งแกร่งกับตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่มีเครือข่ายกว้างขวางครอบคลุมทั่วประเทศ 3) การมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ 4) การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตรถสัญชาติญี่ปุ่นผ่านเครือข่ายของ Mitsubishi UFJ Financial Group (MUFG) 5) การมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพร่วมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ 6) การมุ่งเน้นขยายสินเชื่อที่มีคุณภาพซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็งของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา
บริษัทยังคงมีความมุ่งมั่นในการแสวงหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สร้างความสำเร็จให้แก่บริษัทอีกปัจจัยหนึ่ง บริษัทเป็นผู้บุกเบิกในตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ที่มีความจุกระบอกสูบสูงมาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งสร้างประโยชน์ให้แก่บริษัทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ได้กลายมาเป็นหนึ่งในธุรกิจสำคัญที่สร้างการเติบโตของบริษัทนอกเหนือจากรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กที่มีความจุกระบอกสูบต่ำที่มีอยู่แล้ว ปัจจุบันบริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV Motorcycle) และรถจักรยานยนต์มือสอง
มีฐานทุนที่แข็งแกร่ง
การมีสถานะฐานทุนที่แข็งแกร่งก็เป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทอีกปัจจัยหนึ่งด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ บริษัทยังคงมีเงินทุนที่อยู่ในระดับสูงที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิต โดยในช่วงสิ้นครึ่งแรกของปี 2563 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงอยู่ในระดับ 38.9% เพิ่มขึ้นจาก 32.6% ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวของสินเชื่อจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยที่เกิดจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ในระยะยาวทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทจะลดลงต่ำกว่าระดับในปัจจุบันจากการเติบโตที่ต่อเนื่องของสินเชื่อและอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับที่สูงมากกว่า 70% อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาฐานทุนให้แข็งแรงเอาไว้ได้จากการเพิ่มพูนฐานทุนจากการมีกำไรที่ดีและเงินทุนในมือที่มีจำนวนมาก โดยทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 25%
คุณภาพสินทรัพย์ที่รับได้แม้ว่าจะมีการถดถอยลงบ้าง
ทริสเรทติ้งคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งกว่าของคู่แข่ง โดยที่ความสามารถในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทนั้นมาจากการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่เข้มงวดและการมีระบบจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับ 1.7% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 4.7% จากฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง
ในมุมมองของทริสเรทติ้งนั้น คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมของบริษัทยังอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 แม้ว่าสินเชื่อรวมจะหดตัวลง ทั้งนี้ เนื่องมาจากการที่บริษัทได้ใช้มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 ในระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม 2563 ซึ่งช่วยป้องกันสถานะเครดิตของลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ให้ตกชั้นลงไปเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งสังเกตว่าเริ่มมีสัญญาณขั้นต้นของคุณภาพสินทรัพย์ที่จะเสื่อมถอยลง โดยทริสเรทติ้งมองว่าหลังจากมาตรการช่วยเหลือสิ้นสุดลง อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทน่าจะมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นโดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงสามารถบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมได้
อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและสูงกว่าของคู่แข่งแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีมาใช้ TFRS9 ก็ตาม ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 320% ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ เพิ่มขึ้นจากระดับ 318% ณ สิ้นปี 2562 ตามมาตรฐานบัญชีเก่า ในขณะที่คู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันมีอัตราส่วนอยู่ในระดับต่ำกว่า 150% ณ เดือนมิถุนายน 2563 ในการนี้ เพื่อที่จะคงระดับอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้อยู่ในระดับสูง บริษัทได้ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายสำหรับหนี้สูญเพิ่มเติมในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ที่ระดับ 2.4% (คิดตามสัดส่วนต้นทุนเต็มปี) เมื่อเทียบกับระดับ 1.4% สำหรับปี 2562 โดยการเพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีและนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวดและรัดกุมของบริษัทเองจากการตั้งสำรองส่วนเกินผ่านการตั้งสำรองส่วนเพิ่มจากการบริหารจัดการ (Management Overlay)
การมีสภาพคล่องที่เพียงพอ
บริษัทได้รับการสนับสนุนด้านการเงินเป็นอย่างดีจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาในรูปของเงินทุนซึ่งรวมถึงวงเงินกู้จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาทจากทางธนาคารเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจตามแผนและช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัท
ในขณะเดียวกัน โครงสร้างของสินทรัพย์และหนี้สินค่อนข้างมีความสอดคล้องกัน บริษัทมีสัดส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นซึ่งรวมถึงส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระใน 1 ปีอยู่ที่ประมาณ 3.9% ของเงินกู้ยืมรวม ณ เดือนมิถุนายน 2563 ในขณะที่กระแสเงินสดจากการชำระค่างวดรายเดือนของลูกค้าและวงเงินสินเชื่อที่ได้รับจากธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้นยังมีมากพอที่จะใช้ชำระหนี้ได้ตามกำหนด ในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินสดสะสมจากการชำระค่างวดของลูกหนี้โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 2.75 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับเงินชำระหนี้ที่ต้องจ่ายสะสมที่จำนวน 8.4 พันล้านบาท
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2565 ดังนี้
? การขยายตัวของสินเชื่อใหม่ลดลง 5%-6% ในปี 2563 และอยู่ในระดับเฉลี่ยที่ประมาณ 10% ต่อปีในช่วงปี 2564-2565
? อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงอยู่ในระดับเกินกว่า 30%
? อัตราผลตอบแทนด้านดอกเบี้ยโดยรวมอยู่ที่ระดับ 14%-15%
? ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยอยู่ในช่วง 2%-3%
? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 40%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าทิศทางธุรกิจของบริษัทจะยังคงมีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยาและบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารต่อไป แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของผู้บริหารที่ยังรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของบริษัทเอาไว้ได้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังด้วยว่าบริษัทจะยังคงมีความสามารถในการทำกำไรและรักษาฐานทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะป้องกันความเสี่ยงในเชิงลบของธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาเพิ่มสูงมากขึ้นแม้ทริสเรทติ้งจะเห็นว่ามีโอกาสค่อนข้างน้อยในระยะเวลาอันใกล้นี้ก็ตาม ในขณะที่อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารกรุงศรีอยุธยามีการปรับลดลง หรือหากทริสเรทติ้งเห็นว่าสถานะความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้นลดน้อยถอยลงอย่างชัดเจน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563
- Group Rating Methodology, 10 กรกฏาคม 2558
บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL)
อันดับเครดิตองค์กร: AA+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
AYCAL20NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AA+
AYCAL21NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA+
AYCAL222A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AA+
AYCAL22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AA+
AYCAL232A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 AA+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable