ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. เงินติดล้อ” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 26, 2020 17:05 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตได้รับการยกระดับจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทที่สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งต่อสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?AAA? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? จากทริสเรทติ้ง) ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่บริษัทได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคาร

กรุงศรีอยุธยา

ในขณะที่อันดับเครดิตเฉพาะนั้นสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ใช้ประกอบการพิจารณาอันดับเครดิตยังรวมถึง คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีจากการมีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวัง ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งซึ่งช่วยเสริมฐานทุนให้เพิ่มขึ้นและทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับภาระหนี้สินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงการมีแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่ดี อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดในระดับหนึ่งจากการแข่งขันที่สูงในตลาดสินเชื่อทะเบียนรถ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานะในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการยกระดับจากอันดับเครดิตเฉพาะซึ่งสะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งต่อการที่บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยการที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทนั้นทำให้ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจากทางธนาคารในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทจัดเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ภายใต้กลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกันแก่กลุ่มลูกค้าภายในประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการของธนาคารพาณิชย์ได้

บริษัทได้รับการสนับสนุนด้านการดำเนินธุรกิจจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง คณะกรรมการของบริษัท 4 คนเป็นตัวแทนจากธนาคาร ในขณะที่อีก 4 คนเป็นตัวแทนจากทางพันธมิตรของธนาคาร

กรุงศรีอยุธยา คือ Siam Asia Access Pte., Ltd. และรวมถึงกรรมการผู้จัดการคนปัจจุบันด้วย ในปี 2563 บริษัทได้เพิ่มคณะกรรมการอิสระอีก 3 คนซึ่งทำให้จำนวนคณะกรรมการทั้งหมดมีจำนวนทั้งสิ้น 12 คน โดยที่ทิศทางการดำเนินธุรกิจและการดำเนินงานต่าง ๆ อยู่ภายใต้การควบคุมผ่านคณะกรรมการของบริษัท ส่วนในด้านการสนับสนุนทางการเงินนั้น ธนาคาร

กรุงศรีอยุธยาได้ให้วงเงินสินเชื่อแก่บริษัทเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 บริษัทมีเงินกู้คงค้างกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาคิดเป็น 40% ของเงินกู้คงค้างทั้งหมด และบริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อที่สามารถเบิกถอนได้อีกจำนวนหนึ่ง โดย 94% ของวงเงินที่สามารถเบิกถอนได้นั้นเป็นวงเงินกับทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา

มีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถคงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ ทั้งนี้ บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันที่ใหญ่เป็นอันดับสองโดยพิจารณาในแง่ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด และถือว่าเป็นผู้ให้บริการที่ใหญ่ที่สุดในตลาดสินเชื่อทะเบียนรถประเภทรถยนต์และรถกระบะ โดย ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมีสินเชื่อคงค้างรวมอยู่ที่ 4.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 บริษัทมีสินเชื่อคงค้างรวมอยู่ที่ 4.87 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) โดยอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผู้ประกอบการที่ไม่ใช่สถาบันการเงินส่วนใหญ่

โดยปกติแล้วในตลาดสินเชื่อทะเบียนรถนั้นการเติบโตของสินเชื่อขึ้นอยู่กับการขยายจำนวนสาขา อย่างไรก็ตาม บริษัทเริ่มมีกลยุทธ์การเติบโตที่แตกต่างไปจากคู่แข่ง กล่าวคือ แม้จะมีการขยายสาขาที่ชะลอตัวลงแต่บริษัทก็ยังสามารถคงสถานะทางตลาดและการเติบโตเอาไว้ได้ โดยปี 2563 จากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด 19 บริษัทได้จำกัดการเพิ่มสาขาโดยมีการขยายสาขาเพิ่มเพียง 60 สาขาเท่านั้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 รวมเป็น 1,060 สาขา ณ เดือนกันยายน 2563 เมื่อเทียบกับจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น 187 สาขาในปี 2562 ซึ่งในปี 2564 บริษัทน่าจะกลับมาขยายสาขาในระดับปกติ นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นที่จะเพิ่มการขยายสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์และเทคโนโลยีที่ใช้แอพพลิเคชั่น ?เงินติดล้อ? ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่และมีการร่วมมือกับผู้ประกอบการสื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในการให้บริการสินเชื่อใหม่ ๆ แบบคู่ขนานอีกด้วย

ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งช่วยสนับสนุนฐานทุน

ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการกำไรที่สูงจะช่วยส่งเสริมสถานะฐานทุนที่แข็งแกร่งให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับอันดับเครดิตของบริษัทในปัจจุบันต่อไป โดยอัตราการสะสมกำไรในปัจจุบันนั้นน่าจะสามารถทำให้อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 20% ได้ ทั้งนี้ ความสามารถในการทำกำไรซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 6.0%-6.5% ในปี 2563-2565 โดยอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยในปี 2562 อยู่ที่ระดับ 6.3%

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัททรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.0%-5.2% แม้ว่าบริษัทจะมีสำรองค่าใช้จ่ายด้านเครดิตและการดำเนินงานที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม โดยอัตราส่วนผลตอบแทนที่น่าพอใจนั้นเกิดจากการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยตามการเติบโตของสินเชื่อรวมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบวกกับการเติบโตที่ดีของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในธุรกิจนายหน้าขายประกัน

ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจากการที่ค่าใช้จ่ายด้านเครดิตน่าจะลดน้อยลงเนื่องจากบริษัทมีสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญส่วนเกินที่ทริสเรทติ้งเชื่อว่าน่าจะเพียงพอที่จะช่วยลดผลกระทบจากหนี้เสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ แม้ว่าการลงทุนในระบบปฏิบัติการด้านงานสนับสนุน รวมถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และค่าใช้จ่ายพนักงานอาจส่งผลกดดันต่อความสามารถในการกำไรของบริษัทในระยะปานกลางได้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนแผนการขยายและกระจายธุรกิจในอนาคตและยังจะช่วยลดการพึ่งพาการขยายสาขาของบริษัทลงได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหมายว่าระบบต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงด้านการปฏิบัติงานและความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทลงได้อีกด้วย

พัฒนาการที่น่าสนใจของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาอีกประการหนึ่งคือรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่มีการเติบโตอย่างมาก โดยรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของบริษัทหลัก ๆ นั้นมาจากรายได้ในธุรกิจนายหน้าขายประกัน ในปี 2562 รายได้จากการขายประกันมีสัดส่วนคิดเป็น 67% ของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยทั้งหมดของบริษัท โดยเพิ่มขึ้นจาก 53% ในปี 2561 ในขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้รวมก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นคิดเป็น 19% ในปี 2562 จาก 15% ในปี 2561 ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าขายประกันของบริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 4.7% ในเดือนมิถุนายน 2563 จาก 2.3% ในช่วงต้นปี 2561 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่ากรณีดังกล่าวเป็นพัฒนาการในด้านบวกเนื่องจากสัดส่วนที่มากขึ้นจากรายได้ค่าธรรมเนียมน่าจะช่วยสร้างเสถียรภาพของรายได้ของบริษัทได้ในระยะยาว

คุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งเกิดจากการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวัง

ทริสเรทติ้งคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งในระยะปานกลางจากการมีแนวปฏิบัติด้านความเสี่ยงที่ระมัดระวังและระบบการควบคุมความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การเป็นบริษัทลูกของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทำให้บริษัทให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยงและได้นำระบบและโครงสร้างการดูแลความเสี่ยงที่เป็นมาตรฐานใกล้เคียงกับของธนาคารมาปรับใช้ บริษัทยังได้มีการจัดตั้งทีมงานที่รับผิดชอบดูแลควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะอีกด้วย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งได้เห็นพัฒนาการด้านเครื่องมือและระบบควบคุมความเสี่ยงของบริษัทอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการใช้แบบจำลองคะแนนเครดิตของลูกค้าและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทเองแล้ว บริษัทยังเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการสินเชื่อทะเบียนรถเพียงไม่กี่รายที่นำข้อมูลทางด้านเครดิตจาก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด มาใช้ในการวิเคราะห์สถานะความเสี่ยงของลูกค้าอีกด้วย

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อขั้น 3) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1.21% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะเพิ่มขึ้นหลังจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สิ้นสุดลงแต่จะมีผลกระทบไม่มากนักเนื่องจากลูกหนี้ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือกลับมาจ่ายชำระหนี้ได้ตามปกติแล้ว

ในช่วงก่อนที่จะมีการปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 บริษัทมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับที่สูงที่สุดในกลุ่มคู่แข่งทางตรง โดยมีอัตราค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นสูงเกินกว่า 600% ในปี 2561 ซึ่งในส่วนนี้ได้รวมสำรองส่วนเกินที่จัดประเภทใหม่เป็นการตั้งสำรองส่วนเพิ่มจากการบริหารจัดการ (Management Overlay) เมื่อเดือนกันยายน 2563 เพื่อใช้รองรับและลดผลกระทบของหนี้เสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้ TFRS9 แบบจำลองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss -- ECL) ของบริษัทยังมีอัตราการตั้งสำรองที่น้อยกว่าแบบจำลองเก่าที่บริษัทเคยใช้อีกด้วย ในอนาคตข้างหน้า ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทคาดว่าจะค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ จากระดับปัจจุบันเพื่อสะท้อนสำรองที่เพียงพอของแบบจำลอง ECL เมื่อมีการใช้สำรองส่วนเกินไปหมดแล้ว แม้จะเป็นสถานการณ์ดังกล่าว ทริสเรทติ้งก็ยังมองว่าระดับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทจะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ

แหล่งเงินทุนและสภาพคล่องทางการเงินที่ดี

ความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทเกิดจากการที่บริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทมีการกระจายแหล่งเงินทุนไปสู่สถาบันการเงินอื่น ๆ มากขึ้นโดยมีวงเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นประมาณ 8 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 บริษัทมีวงเงินกับสถาบันการเงินอื่น ๆ รวมอยู่ที่ 1.56 หมื่นล้านบาท ซึ่งช่วยเสริมให้แหล่งเงินทุนของบริษัทมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่วงเงินสินเชื่อที่ได้จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาก็สามารถเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2563 บริษัทมีวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากธนาคารกรุงศรีอยุธยามากกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ไม่มีปัญหาสำคัญในเรื่องของความไม่สอดคล้องกันของโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สินอีกด้วย เงินกู้ยืมระยะสั้นของบริษัทซึ่งรวมถึงส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะถึงกำหนดชำระใน 1 ปีคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของเงินกู้ยืมรวม ณ เดือนกันยายน 2563 ในขณะที่กระแสเงินสดจากการชำระค่างวดรายเดือนของลูกหนี้และวงเงินสินเชื่อที่ได้รับจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาและสถาบันการเงินอื่น ๆ ยังคงมีมากเกินพอที่จะรองรับปัญหาสภาพคล่องได้ในทันที

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2565 ดังนี้

? สินเชื่อใหม่จะหดตัวประมาณ 15% ในปี 2563 และจะกลับมาขยายตัวที่ระดับประมาณ 10%-20% ต่อปีหลังจากนั้น

? อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงคาดว่าจะรักษาอยู่ในระดับที่สูงกว่า 20%

? อัตราดอกเบี้ยรับโดยรวมของบริษัทจะอยู่ในระดับ 18%-19%

? ต้นทุนทางด้านเครดิต จะรักษาอยู่ในระดับประมาณ 1%-2%

? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวม จะรักษาอยู่ในระดับระหว่าง 55%-56%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะคงรักษาสถานะผู้นำในตลาดสินเชื่อทะเบียนรถและยังคงมีผลประกอบการทางการเงินที่น่าพึงพอใจต่อไป ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ รวมทั้งยังคงได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือในทางการเงิน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีเอาไว้ได้ในระยะปานกลางถึงระยะยาว รวมถึงยังคงสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งและมีผลประกอบการทางการเงินที่ดีต่อไป หรือ บริษัทสามารถเพิ่มอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงให้สูงขึ้นเกินกว่า 25%

ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะในการแข่งขันหรือคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ หรืออัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงต่ำกว่าระดับ 15%

นอกจากนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาก็อาจเป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (NTL)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

NTL20DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-

NTL21DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-

NTL217A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-

NTL221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-

NTL22DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-

NTL224A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ