ทริสเรทติ้งยกเลิก ?เครดิตพินิจ? แนวโน้ม ?Negative? หรือ ?ลบ? ที่ให้ไว้แก่อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ บริษัท
ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2563 พร้อมทั้งประกาศลดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทเป็นระดับ ?A+? จาก ?AA-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่?
การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่อ่อนแอลงจากการก่อหนี้เพื่อลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 40 ใน บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนเทียบเท่าไม่เกิน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 9.6 หมื่นล้านบาท) โดยบริษัทจะกู้เงินเพื่อลงทุนในครั้งนี้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินกู้ครั้งนี้จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 6 เท่าจากระดับ 4.1 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 76% จากระดับ 70% ณ เดือนกันยายน 2563
ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไว้รัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) จากการที่รายได้ของ 7-Eleven ลดลงเป็นอย่างมาก ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 รายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 4.1 แสนล้านบาทลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับอัตราการเติบโต 8%-11% ต่อปีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ยอดขายในสาขาเดิมของ 7-Eleven หดตัวลงเป็นระยะเวลา 3 ไตรมาสติดต่อกัน โดยจำนวนลูกค้าลดลงอย่างมากโดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ในทางตรงกันข้าม แม็คโคร มีผลการดำเนินงานในระดับที่ดี โดยมียอดขายติดลบในไตรมาสที่ 2 และกลับมาเติบโตในระดับ 3.9% ในไตรมาสที่ 3
อัตรากำไรของบริษัทปรับตัวลดลง กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ระดับ 3.6 หมื่นล้านบาท ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 2.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 2.0%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 เทียบกับระดับ 9.2%-9.5% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งมองว่าผลกระทบจากโรคโควิด 19 จะยังคงส่งผลลบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และลดทอนจำนวนนักท่องเที่ยวต่อเนื่องในปี 2564 แต่คาดว่าสถานการณ์จะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการพัฒนาวัคซีนให้มีใช้อย่างแพร่หลาย
อันดับเครดิตของบริษัทยังคงสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งซึ่งเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ การเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย ลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การมีเครือข่ายสาขาที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทั่วประเทศ และการมีธุรกิจสนับสนุนที่เข้มแข็ง
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำและความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนสามารถมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดีต่อไปได้ในอนาคต
สมมติฐานจากประมาณการของทริสเรทติ้งยังไม่รวมถึงโอกาสของการผสานประโยชน์จากการซื้อกิจการครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าแหล่งที่มาของการชำระหนี้เงินกู้จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ภายหลังการซื้อกิจการครั้งนี้จะค่อย ๆ ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่า 5 เท่าในปี 2566
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากโครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดที่ใช้รองรับการชำระหนี้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก จนส่งผลทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่ำกว่า 5 เท่าอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาด หรือมีการก่อหนี้เพื่อขยายการลงทุนจำนวนมากจนส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPALL221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
CPALL22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
CPALL233B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL256B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 13,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPALL271A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,466 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL275A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,698.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL27NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL291A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,920 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A+
CPALL305A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,169.3 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A+
CPALL305B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A+
CPALL311A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,614 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
CPALL325A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,632 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A+
CPALL359A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2578 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable