ทริสเรทติ้งยกเลิก ?เครดิตพินิจ? แนวโน้ม ?Negative? หรือ ?ลบ? ที่ให้ไว้แก่อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2563 พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารที่ระดับ ?A+? และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนซึ่งไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (Hybrid Debentures) ของบริษัทที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่?
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?A+? ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการดำเนินกิจการ และ/หรือสำหรับการลงทุน และ/หรือชำระคืนเงินกู้ยืม และ/หรือให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยของบริษัท
การคงอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการก่อหนี้เพื่อลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 ใน บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนเทียบเท่าไม่เกิน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท)
ราคาสุกรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและการปรับตัวที่ดีขึ้นของธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ปรับตัวดีขึ้นมาก รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทเติบโต 12.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 4.4 แสนล้านบาท กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 71.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 6.4 หมื่นล้านบาท อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 14.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 เทียบกับ 7%-10% ในปี 2560-2562
ทริสเรทติ้งคาดว่าในอนาคตราคาสุกรจะปรับตัวลดลงจากระดับที่สูงผิดปกติในปีนี้ แต่คาดว่าราคาสุกรจะยังคงอยู่ในระดับที่สูง จากสถานการณ์ขาดแคลนสุกรจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์อาฟริกาในสุกร (African Swine Fever -- ASF) ที่จะยังระบาดอยู่ บริษัทอยู่ในสถานะที่จะได้รับอานิสงส์จากราคาสุกรที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาต้นทุนวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำ อุปสงค์ของการส่งออกไก่ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งไปประเทศจีนจะยังคงเป็นปัจจัยบวก ทริสเรทติ้งคาดว่าเมื่อรวมเงินกู้สำหรับการซื้อกิจการในครั้งนี้แล้วอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 5-8 เท่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นระดับที่ยอมรับได้สำหรับอันดับเครดิต ?A+? เมื่อเทียบกับสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท
บริษัทมีความประสงค์ที่จะดำเนินธุรกิจสุกรครบวงจรและขยายฐานตลาดในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีตลาดสุกรขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและเติบโตเร็ว มีมูลค่าตลาดประมาณ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัทประกาศการควบรวมกิจการสุกรในประเทศจีน ซึ่งเป็นการรวมธุรกิจอาหารสัตว์ในประเทศจีนของบริษัทกับธุรกิจสุกรที่ดำเนินงานโดย Chia Tai Animal Husbandry Investment (Beijing) Co., Ltd. (CTAI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเครือเจริญโภคภัณฑ์ การควบรวมกิจการครั้งนี้เป็นการทำธุรกรรมผ่านทางการแลกหุ้น
ภายหลังจากควบรวมกิจการ บริษัทย่อยของบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 35% ของบริษัทที่ควบรวมกัน ในขณะที่อีก 65% จะถือหุ้นโดยบริษัทย่อยของเครือเจริญโภคภัณฑ์ การควบรวมธุรกิจจะส่งผลให้รายได้และกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดลงจากการนำผลการดำเนินงานของธุรกิจอาหารสัตว์ในประเทศจีนออกจากงบการเงิน อย่างไรก็ตาม บริษัทจะได้รับรายได้จากส่วนแบ่งกำไรและรายได้เงินปันผลจากบริษัทที่ควบรวมขึ้นใหม่นี้ โดยรายได้รวมของบริษัทจะลดลงประมาณ 1.3 แสนล้านบาทต่อปี และกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะลดลงประมาณ 3-4 พันล้านบาทต่อปี หนี้สินทางการเงินจะลดลงประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 0.2-0.3 เท่าต่อปี
ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังคงสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ตลอดจนการมีฐานการผลิตในหลายประเทศ การมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย รวมทั้งความยืดหยุ่นทางการเงินจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากระดับหนี้สินของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์และราคาธัญพืชซึ่งเป็นวัตถุดิบ รวมทั้งความเสี่ยงจากโรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของประเทศผู้นำเข้า ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำเป็นระยะเวลานาน
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารและการเกษตรเอาไว้ได้ โดยคาดว่าความหลากหลายของการดำเนินงาน ผลิตภัณฑ์ และตลาดจะช่วยลดทอนผลกระทบจากความผันผวนของสินค้าโภคภัณฑ์ และโรคระบาดได้บางส่วน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมากอย่างมาก และมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในทางตรงกันข้าม แนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาด หรือบริษัทมีการก่อหนี้เพื่อขยายการลงทุนจำนวนมากจนส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลง จนส่งผลทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเกินกว่า 8 เท่าอย่างต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Securities), 12 กันยายน 2561
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPF218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
CPF218B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
CPF225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
CPF228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
CPF235A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPF237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,940 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPF244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPF246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 8,407.6 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPF246B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,725 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPF24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPF251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,460 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPF257A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPF276A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,164.4 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPF276B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,643 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPF277A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPF281A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,540 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPF28NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPF30NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A+
CPF314A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
CPF326A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 940 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A+
CPF328A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A+
CPF356A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,120 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2578 A+
CPF418A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584 A+
CPF41DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2584 A+
CPF17PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 15,000 ล้านบาท A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 12 ปี 4 เดือน A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable