ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2.7 พันล้านบาทพร้อมหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมในวงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?BBB-? ด้วย โดยอันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์จะเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็นไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท จากเดิม 2.7 พันล้านบาท ทั้งนี้ อันดับเครดิตหุ้นกู้ที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรนั้นสะท้อนในเชิงโครงสร้างที่ด้อยกว่าหรือการมีสิทธิเรียกร้องในการได้รับการชำระคืนหนี้ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสิทธิเรียกร้องของบริษัทย่อยต่าง ๆ ของบริษัท ในการนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้เดิมและนำไปลงทุนในบริษัทย่อยต่าง ๆ
อันดับเครดิตองค์กรยังคงสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจซื้อและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและผลการดำเนินงานที่เข้มแข็งของบริษัทลูกหลักรายสำคัญคือ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) รวมถึงสถานะที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท
ในการประเมินอันดับเครดิตนั้น ทริสเรทติ้งยังพิจารณารวมไปถึงการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตลอดจนภาระหนี้ที่สูงของบริษัท และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและธุรกิจให้เช่าพื้นที่ของบริษัทอีกด้วย
บริษัทมีผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2563 ที่ยังคงแข็งแกร่งและเป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งคาดไว้ถึงแม้ว่าจะมีธุรกิจบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) อยู่บ้าง โดยในช่วงดังกล่าวบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งนั้นได้รับอานิสงส์มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทเจเอ็มที เน็ทเวอร์คฯ ที่ยังคงเข้มแข็งเป็นหลัก โดยบริษัทลูกดังกล่าวมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 713 ล้านบาท นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นของบริษัทร่วม คือ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ก็ยังช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ส่วนแบ่งกำไรที่บริษัทได้รับจากบริษัทซิงเกอร์ฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 93 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 จาก 33 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? มีพื้นฐานมาจากการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาระดับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจจัดเก็บหนี้และการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเอาไว้ได้ในขณะที่สถานะทางการตลาดในธุรกิจจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่จะยังคงแข็งแกร่งต่อไป ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทลูกรายอื่น ๆ เช่น บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด และ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังคงมีจำกัดในระยะเวลาอันใกล้เมื่อพิจารณาจากสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทในปัจจุบัน ในขณะที่ความกดดันทางด้านลบต่ออันดับเครดิตจะเกิดจากผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญทั้งในส่วนของบริษัทเองหรือของบริษัทลูก หรือจากการลงทุนในเชิงรุกซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จนระดับอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่สูงเกินกว่า 5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- Group Rating Methodology, 13 มกราคม 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 2,700 ล้านบาทพร้อมหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมในวงเงินไม่เกิน 800 ล้านบาท
ไถ่ถอนภายใน 3.5 ปี BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable