ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. พรีบิลท์” ที่ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 22, 2021 16:41 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่เป็นที่ยอมรับของบริษัทในการก่อสร้างโครงการอาคารสูงและมูลค่างานในมือในระดับปานกลาง รวมถึงภาระหนี้ในระดับที่ยอมรับได้และสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอในช่วงที่ธุรกิจถดถอย อย่างไร

ก็ตาม อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเสี่ยงที่อยู่ในระดับสูงจากการกระจุกตัวของลูกค้า การแข่งขันที่รุนแรงของอุตสาหกรรม และแนวโน้มที่ซบเซาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีความสามารถในงานก่อสร้างอาคารสูง

บริษัทมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างดีในงานก่อสร้างอาคารสูงให้แก่ลูกค้าในหลาย ๆ ภาคธุรกิจ เช่น อาคารที่พักอาศัย คอนโดมิเนียม อาคารเพื่อการพาณิชย์ โรงแรม และโรงงานอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม บริษัทก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และในพื้นที่ที่มีทำเลดีนอกเขตเมืองเป็นส่วนใหญ่ โดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงซึ่งส่วนใหญ่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้บริษัทเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงในด้านการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จได้ตามแผนงานอีกด้วย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับสัญญางานก่อสร้างใหม่ ๆ ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ระดับ 3.5-4.5 พันล้านบาทต่อปี ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมจะอยู่ในช่วงขาลง แต่บริษัทก็ยังมีสัญญาใหม่กับลูกค้ามูลค่า 3.3 พันล้านบาทในปี 2563

มีการกระจุกตัวของลูกค้า

ความแข็งแกร่งของบริษัทถูกลดทอนจากการที่บริษัทเน้นงานก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลักซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากหากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศอยู่ในภาวะซบเซา ทั้งนี้ บริษัทยังคงมีงานเกือบทั้งหมดเป็นงานก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งมาจากลูกค้ารายใหญ่จำนวนน้อยราย ณ เดือนกันยายน 2563 บริษัทมีมูลค่างานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) จำนวน 9 พันล้านบาท โดยลูกค้ารายใหญ่ที่สุด 3 รายคือ บริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ รอยัล เพลส จำกัด บริษัท

อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมูลค่างานจากลูกค้าทั้ง 3 รายนี้มีสัดส่วนถึง 70% ของมูลค่างานในมือที่รอส่งมอบทั้งหมดของบริษัท ทั้งนี้ ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวจากการมีลูกค้าน้อยรายจะส่งผลในด้านลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวลดทอนลงได้บางส่วนเนื่องจากลูกค้าใหญ่ทั้ง 3 รายดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือสูง

ความสามารถในการทำกำไรอ่อนแอลง

บริษัทมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าประมาณการของทริสเรทติ้ง ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 3 พันล้านบาทลดลงเพียง 2% จากปีก่อน แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 9.8%เมื่อเทียบกับที่เคยทำได้ระดับ 13%-15% ในช่วงหลายปีก่อนหน้า ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 237 ล้านบาท ลดลงถึง 22% จากปีก่อน

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอ่อนแอลงเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมของบริษัทรับเหมาก่อสร้างด้วยกัน อีกทั้ง ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของบริษัทก็กระจุกตัวอยู่ในโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งรับผลกระทบอย่างมากจากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจึงต้องประมูลงานแข่งขันกันมากขึ้นเพื่อให้ได้งานใหม่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังเผชิญกับต้นทุนเกินกว่าประมาณการในบางโครงการที่มีมูลค่างานที่สูงอีกด้วย จึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างลดลงมาอยู่ที่ 8.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 260 ล้านบาทในปี 2563 เมื่อเทียบกับระดับ 400-500 ล้านบาทต่อปีในช่วงที่ผ่านมา

ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

บริษัทพยายามขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อช่วยให้ทั้งรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในระยะยาว บริษัทลงทุนและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยผ่านกิจการร่วมค้าร่วมกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น ๆ จำนวน 7 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีเพียง 3 โครงการมูลค่า 2.7 พันล้านบาทที่มีการเปิดขายโครงการ ขณะที่โครงการที่เหลือยังคงไม่ได้พัฒนาโครงการ

นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของตนเองผ่านบริษัทย่อยอีกด้วย ซึ่งในช่วงกลางปี 2563 บริษัทได้เปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวในชื่อ ?พรรณนา? มูลค่าโครงการ 1.3 พันล้านบาทและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดขาย 23% ณ เดือนกันยายน 2563 และมีแผนส่งมอบบ้านสร้างเสร็จให้ลูกค้ามูลค่า 128 ล้านบาทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 อีกด้วย บริษัทยังมีแผนเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวมูลค่าประมาณ 600-700 ล้านบาทในช่วงกลางปี 2564 อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังได้ซื้อที่ดินมาแล้ว 2 แปลงอยู่ที่สุขุมวิท 24 และสุขุมวิท 26 รวมมูลค่า 1.1 พันล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม ทั้งสองโครงการถูกชะลอออกไปเนื่องจากความต้องการที่หดตัวลงของผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา

ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยก็มีการชะลอตัวจากเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแออยู่แล้ว รวมถึงภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ดังนั้นโรคโควิด 19 ยิ่งส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจยิ่งอ่อนแอลงไปอีกและตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ซบเซามากขึ้น อุปสงค์จากผู้ซื้อต่างชาติหยุดชะงักจากการควบคุมการเดินทาง ในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมนั้น การเปิดขายโครงการใหม่ในกรุงเทพมหานครได้ลดลงอย่างมาก อีกทั้งมีการลดราคาขายอย่างรุนแรงของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อระบายสินค้าที่เหลือขาย โดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายเปลี่ยนไปพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรแทนโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง ความหวังว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะสามารถฟื้นตัวได้คือการกระจายวัคซีนไปทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทริสเรทติ้งไม่ได้คาดหวังว่าตลาดจะสามารถฟื้นกลับมาเร็วได้ถึงระดับก่อนช่วงมีการระบาดของโรคโควิด 19 ทริสเรทติ้งมองว่าในช่วงที่ซบเซาของภาคอสังหาริมทรัพย์จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อธุรกิจของบริษัททั้งงานรับเหมาก่อสร้างและโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ผลการดำเนินงานถูกกดดัน

ในระยะสั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เปราะบาง ผลกระทบจากโรคโควิด 19 และภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของตลาด ภายใต้ประมาณการพื้นฐานสำหรับปี 2564-2565

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะอยู่ในช่วง 4.5-5 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งมาจากมูลค่างานในมือที่มีอยู่ โดยมูลค่างานในมือที่รอส่งมอบจะช่วยรักษาระดับรายได้ใน 3 ปีข้างหน้า คิดเป็นสัดส่วน 79% ในปี 2564 และ 53% ในปี 2565

อีกทั้งในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัทวางแผนจะเปิดโครงการบ้านจัดสรรใหม่มูลค่า 1.5-1.7 พันล้านบาทและตั้งงบประมาณซื้อที่ดินไว้ที่ 600-800 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทจะอยู่ที่ 500-700 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และอัตรากำไรของบริษัทอย่างมาก โดยทริสเรทติ้งประมาณการว่ารายได้รวมของบริษัทจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจาก 4.2 พันล้านบาทในปี 2563 ไปสู่ 6.5 พันล้านบาทในปี 2565 อย่างไรก็ตาม ยังคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะยังคงถูกกดดันจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง แต่บริษัทก็จะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ 10%-12% เอาไว้ได้ ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะฟื้นตัวมาจะอยู่ที่ระดับ 400-500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2565 ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ในช่วง 300-350 ล้านบาทต่อปี

ภาระหนี้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

การคงอันดับเครดิตสะท้อนว่าทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมีความรอบคอบในการจัดการภาระหนี้ในระหว่างที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในแนวโน้มของธุรกิจ ซึ่งในการประเมินภาระหนี้ของบริษัทนั้นทริสเรทติ้งได้รวมภาระหนี้ตามสัดส่วนของบริษัทที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยเพื่อสะท้อนภาระหนี้ของบริษัทในฐานะผู้ร่วมลงทุนและผู้ค้ำประกัน จากประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทจะเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับประมาณ 1.6-1.8 พันล้านบาทในช่วง 2 ปีข้างหน้าจาก 947 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทน่าจะอยู่ที่ประมาณ 40% ในช่วงปี 2564-2565 ซึ่งอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ในส่วนของกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้นั้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.5 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 18%-20%

มีสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอ

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตเพื่อสะท้อนว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอถึงแม้อุตสาหกรรมจะอยู่ในช่วงซบเซา ณ เดือนกันยายน 2563 บริษัทมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นมูลค่ารวม 1.3 พันล้านบาท เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 240 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน บริษัทมีเงินกู้ยืมระยะสั้นสำหรับซื้อที่ดินจำนวน 630 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนจะแปลงเงินกู้ยืมระยะสั้นนี้ให้เป็นเงินกู้โครงการระยะยาวในภายหลัง ในขณะที่บริษัทจะต้องดำรงอัตราส่วนภาระหนี้รวมสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ให้เกิน 2.5 เท่า เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขทางการเงินที่สำคัญของเงินกู้ที่มีกับธนาคาร ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 1.78 เท่า ณ เดือนกันยายน 2563

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานที่สำคัญ ๆ ของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2563-2565 มีดังต่อไปนี้

? สัญญางานรับเหมาก่อสร้างใหม่ ๆ จะมีมูลค่าประมาณ 3.5 พันล้านบาทต่อปี

? โครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่เปิดขายจะมีมูลค่า 700 ล้านบาทในปี 2564

? รายได้จากการขายวัสดุก่อสร้างจะอยู่ในช่วง 450-500 ล้านบาทต่อปี

? รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 5.4 พันล้านบาทในปี 2564 และประมาณ 6.5 พันล้านบาทในปี 2565

? อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับ 10%-12%

? กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ 7%-8%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจหลักคืองานรับเหมาก่อสร้างได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทจะรักษาผลการดำเนินงานได้ใกล้เคียงกับที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะยังคงบริหารสภาพคล่องได้เป็นอย่างดีเละมีความระมัดระวังที่จะไม่ก่อภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นในระหว่างที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังซบเซา นอกจากนี้ แม้ว่าภาระหนี้จะมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่ากระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทจะอยู่ในระดับที่ประมาณการเอาไว้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นในในระยะใกล้ อย่างไรก็ตาม หากบริษัทสามารถปรับเพิ่มรายได้และสามารถทำกำไรให้สูงขึ้นจากระดับปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญเป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องในขณะที่ภาระหนี้ยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ก็อาจมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตต่อไป

ในทางกลับกัน อันดับเครดิต/และหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงได้หากบริษัทสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและความสามารถในการทำกำไรลดลงเป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อันดับเครดิตก็อาจปรับลดลงได้หากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าที่ประมาณการไว้ หรือบริษัทมีการลงทุนจำนวนมากในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จนทำให้โครงสร้างทางการเงินและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากจนเป็นเหตุให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเกินกว่า 5 เท่าเป็นเวลาต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) (PREB)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ