ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ไฟฟ้าน้ำงึม 2” ที่ “A” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 24, 2021 11:28 —ทริส เรตติ้ง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้ซื้อที่มีความน่าเชื่อถือ

โรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 ของบริษัทนั้นตั้งอยู่ในเขตภาคกลางของ สปป.ลาว โดยมีกำลังการผลิตที่ขนาด 615 เมกะวัตต์และมีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 2,310 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง (ล้านหน่วย) ต่อปี แม้ว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทจะมีที่ตั้งและดำเนินการอยู่ในประเทศที่มีความเสี่ยงสูง แต่อันดับเครดิตของบริษัทก็อยู่บนพื้นฐานการมีกระแสเงินสดที่มีความแน่นอนจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้านาน 25 ปีกับ กฟผ. ซึ่งความแข็งแกร่งด้านเครดิตของ กฟผ. บ่งบอกถึงการที่บริษัทมีความเสี่ยงจากคู่สัญญา (Counterparty Risk) ที่อยู่ในระดับต่ำ

นอกจากนี้ สัญญา PPA ที่อยู่บนพื้นฐานของการจ่ายค่าไฟฟ้าทั้งหมดซึ่งสามารถเรียกรับไฟฟ้าส่วนที่ขาดให้ครบได้ในภายหลัง (Take-or-Pay) นั้นยังช่วยบรรเทาความเสี่ยงด้านตลาดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่ง กฟผ. จะรับซื้อไฟฟ้าจากบริษัทในปริมาณสูงสุดไม่เกิน 2,310 ล้านหน่วยต่อปี (ปริมาณไฟฟ้าเป้าหมายต่อปีหรือ Annual Supply Target) ซึ่งจำแนกเป็นปริมาณไฟฟ้าหลัก (Primary Energy -- PE) จำนวน 2,218 ล้านหน่วยและปริมาณไฟฟ้ารอง (Secondary Energy -- SE) จำนวน 92 ล้านหน่วย

นอกจากนี้ สัญญาสัมปทานที่บริษัทมีกับรัฐบาล สปป. ลาว ยังช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากการโอนเงินและการแลกเปลี่ยนเงินตราอีกด้วย โดยสัญญาสัมปทานให้สิทธิ์บริษัทในการรับรายได้และพักเงินในบัญชีเงินฝากที่อยู่นอก สปป. ลาว ได้ ดังนั้น รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าที่ได้รับจาก กฟผ. จึงใช้วิธีจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากของบริษัทในประเทศไทย

มีประวัติการดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับ

การดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำนั้นต้องการความเชี่ยวชาญในหลายด้าน เช่น การบริหารจัดการน้ำ การซ่อมบำรุง และการวางแผนการผลิต ในการนี้ บริษัทได้ทำสัญญาเดินเครื่องและบำรุงรักษากับ กฟผ. ซึ่งครอบคลุมตลอดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าซึ่ง กฟผ. มีความชำนาญและมีประสบการณ์ที่ยาวนานในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศไทย นอกจากนี้ กฟผ. ยังให้บริการการซ่อมบำรุงใหญ่ให้แก่บริษัทอีกด้วย

นับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินงานในเดือนมีนาคม 2554 จนถึงปี 2563 โรงไฟฟ้าของบริษัทมีค่าความพร้อมอยู่ในระดับที่สูงกว่า 96% ยกเว้นในช่วงปี 2561-2562 ที่ความพร้อมโรงไฟฟ้าของบริษัทอยู่ที่ระดับ 92%-93% เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามวาระในปี 2561 และปัญหาปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอสำหรับการผลิตในปี 2562

ความไม่แน่นอนของทรัพยากรน้ำ

ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำนั้นขึ้นอยู่กับความพอเพียงของปริมาณน้ำเป็นหลักซึ่งอาจมีความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญในแต่ละปี ความผันผวนของปริมาณน้ำที่อยู่ในระดับสูงจะส่งผลโดยตรงต่อความผันผวนในการผลิตไฟฟ้าและอาจทำให้รายได้ลดลงในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจส่งผลต่อความพอเพียงของกระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงาน นอกจากนี้ แม้ปริมาณน้ำสำรองในอ่างเก็บน้ำของบริษัทจะสามารถช่วยบรรเทาความผันผวนของปริมาณน้ำได้ในระยะสั้น แต่ภาวะภัยแล้งที่ยืดเยื้อก็อาจส่งผลให้บริษัทผลิตไฟฟ้าได้น้อยลงและทำให้มีรายได้ลดลงในช่วงดังกล่าว

โครงสร้างสัญญาช่วยบรรเทาความเสี่ยงหลัก ๆ ลงได้

สัญญาซื้อขายไฟฟ้ามีกลไกที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของปริมาณน้ำในแต่ละปีโดยจะอนุญาตให้บริษัทสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้มากเกินกว่าปริมาณเป้าหมายในปีที่มีน้ำมากในขณะที่ปีที่มีน้ำน้อยบริษัทจะได้รับเงินสดจากการนำไฟฟ้าที่ผลิตเกินกว่าเป้าหมายดังกล่าวมาใช้ และในกรณีที่บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าได้ต่ำกว่าปริมาณไฟฟ้าเป้าหมายต่อปี ปริมาณไฟฟ้าในส่วนที่ขาดนี้ก็สามารถนำไปทบกับปริมาณไฟฟ้าเป้าหมายของปีถัด ๆ ไปได้

นอกจากนี้ สำหรับกรณีที่ปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอสำหรับการผลิตไฟฟ้าตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า บริษัทยังมีสิทธิ์ที่จะประกาศให้ปีนั้นเป็นปีแล้งสำหรับการดำเนินงานได้อีกด้วย ทั้งนี้ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้านั้นบริษัทมีข้อผูกผันที่จะต้องดำรงความพร้อมจ่ายไฟฟ้าให้มีไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวันในแต่ละเดือนและไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันในแต่ละปี การประกาศให้เป็นปีแล้งจะทำให้บริษัทไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาได้ชั่วคราว ซึ่งบริษัทจะสามารถประกาศได้ 2 ครั้งตลอดระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้านาน 25 ปี ซึ่งบริษัทได้ประกาศปีแล้งครั้งแรกในปี 2563 แม้ว่าสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะให้โอกาสในการประกาศปีแล้ง แต่หากบริษัทยังคงประสบกับภาวะความแห้งแล้งอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีก็อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้เช่นกัน

ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนที่น้อยอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปี 2563 บริษัทมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้เนื่องจากบริษัทยังคงประสบกับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากปีก่อน โดยบริษัทสามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียง 916 ล้านหน่วย ซึ่งลดลงถึง 45% จากปี 2562

ปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่อยู่ในระดับต่ำของบริษัทนั้นมีสาเหตุเนื่องมาจากเหตุผลหลายประการดังนี้ ประการแรก ภาวะภัยแล้งที่รุนแรงในปี 2562 ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลให้การดำเนินงานในปี 2563 ของบริษัทมีปริมาณน้ำในเขื่อนตั้งต้นอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินงานมา ประการที่สอง ในปี 2563 ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับต่ำแม้ว่าจะสูงกว่าในปี 2562 อยู่ 8% ก็ตาม โดยในปี 2563 มีน้ำไหลเข้าเขื่อนของบริษัทคิดเป็นปริมาณทั้งสิ้น 3,934 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 6,270 ล้าน ลบ.ม. ต่อปีและส่งผลซ้ำเติมต่อระดับการผลิตไฟฟ้าของบริษัท

บริษัทประกาศให้ปี 2563 เป็นปีแล้งสำหรับการดำเนินงานโรงไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าซึ่งทำให้บริษัทไม่จำเป็นต้องดำรงความพร้อมจ่ายไฟฟ้าตลอดทั้งปี 2563 และยังเป็นโอกาสให้บริษัทค่อย ๆ สะสมปริมาณน้ำในเขื่อนให้กลับไปสู่ระดับปกติ ณ สิ้นปี 2563 ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้ปรับการผลิตไฟฟ้าให้เหมาะสมและเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานและการชำระคืนหนี้ด้วย แม้ว่าการผลิตไฟฟ้าของบริษัทจะลดลงอย่างมาก แต่ระดับน้ำในเขื่อนของบริษัทก็สามารถสะสมจนอยู่ที่ระดับ 368.7 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ณ สิ้นปี 2563 ได้ ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอสำหรับการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับปี 2564

คาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัว

แม้ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะถดถอยลงอย่างมากในปี 2563 แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะฟื้นตัวจากการที่บริษัทมีระดับน้ำเพียงพอสำหรับเริ่มการผลิตในปี 2564 ทั้งนี้ ในปี 2563 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลง 48% จากปีก่อนหน้า โดยเหลือ 1.3 พันล้านบาท กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่อยู่ในระดับต่ำนี้เป็นผลมาจากการลดการผลิตไฟฟ้าในปี 2563 เพื่อสะสมปริมาณน้ำ และส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายขึ้นไปอยู่ในระดับสูงถึงประมาณ 9.1 เท่าสำหรับปี 2563

ทั้งนี้ ประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งนั้นอยู่บนภายใต้สมมติฐานของระดับน้ำ ณ ต้นปี 2564 และประมาณการปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนแบบระมัดระวัง ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 1,700-1,800 ล้านหน่วยต่อปีในปี 2564-2565 ซึ่งจะก่อให้เกิดกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายประมาณ 2.6-2.7 พันล้านบาทต่อปี ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2564-2565 รวมทั้งสิ้น 1.5 พันล้านบาท ดังนั้น

ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะลดลงเหลือประมาณ 4 เท่าในปี 2564-2565

โครงสร้างเงินทุนคาดว่าจะดีขึ้น

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจนถึงระดับที่ต่ำกว่า 50%-55% ในปี 2564-2565 โดยเชื่อว่าบริษัทจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนขนาดใหญ่นอกจากการซ่อมบำรุงตามแผนงานในระยะใกล้ ทั้งนี้ การลงทุนครั้งล่าสุดของบริษัทคือการขยายสถานีไฟฟ้าย่อยนาบงซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 ด้วยเงินลงทุนทั้งสิ้น 3.12 พันล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วจำนวน 1.23 หมื่นล้านบาทและมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ระดับ 55.6%

มีเงินสดเพียงพอสำหรับภาระหนี้ในระยะสั้น

บริษัทยังคงมีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังในการสำรองเงินสดอย่างน้อย 1 พันล้านบาทสำหรับการชำระคืนหนี้เงินกู้ในงวดถัดไป นอกจากนี้ บริษัทยังพยายามที่จะคงเงินสดเอาไว้ไม่ต่ำกว่าประมาณ 700 ล้านบาทสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานในระยะเวลาประมาณ 12 เดือนอีกด้วย

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะบริหารจัดการสภาพคล่องได้อย่างระมัดระวังตลอดช่วงเวลาประมาณการ ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 2.2 พันล้านบาทในปี 2564 ในขณะที่บริษัทมีเงินสดในมือประมาณ 1.3 พันล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2563 โดยที่เงินสดในมือเมื่อรวมกับประมาณการเงินทุนจากการดำเนินงานแล้วน่าจะมีเพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้หุ้นกู้มูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาทในปี 2564 ได้

อันดับเครดิตมาจากสถานะของกลุ่ม

บริษัทมีฐานะเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?A? แนวโน้ม ?Stable? หรือ ?คงที่? จากทริสเรทติ้ง) โดยบริษัท ซีเค พาวเวอร์ มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทจำนวน 42% และมีการควบคุมโดยตรงทั้งในด้านธุรกิจและการเงิน โดยปกติแล้วบริษัทจะสร้างกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายให้แก่การลงทุนด้านไฟฟ้าของบริษัท ซีเค พาวเวอร์ ประมาณ 60%-70% ดังนั้น ในฐานะที่เป็นผู้สร้างรายได้จำนวนมากให้แก่กลุ่ม ทริสเรทติ้งจึงประเมินว่าบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของกลุ่ม ดังนั้น อันดับเครดิตของบริษัทจึงเท่ากับอันดับเครดิตของบริษัท ซีเค พาวเวอร์ ซึ่งเป็นไปตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม? (Group Rating Methodology) ของ

ทริสเรทติ้ง

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนในปี 2564-2565 จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตประมาณ 25%

? อัตราความสามารถในการผลิตไฟฟ้า (Capacity Factor) จะอยู่ในช่วง 30%-35% ในช่วงปี 2564-2565

? คาดว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทจะมีความพร้อมมากกว่า 96% ตลอดช่วงประมาณการระหว่างปี 2564-2565

? อัตราค่าไฟฟ้าจะได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

? ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินงานและซ่อมบำรุงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ต่อปีในช่วงปี 2564-2565

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากโรงไฟฟ้าโดยมีสมมติฐานว่าปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนจะอยู่ที่ระดับประมาณค่าเฉลี่ยในระยะยาว นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่และปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปซึ่งจะทำให้บริษัทบรรลุการผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายตลอดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่เหลือ

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปัจจัยที่อาจมีผลต่อการลดอันดับเครดิตอาจเกิดจากการที่บริษัทมีผลการดำเนินงานด้อยกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจส่งผลให้กระแสเงินสดของบริษัทถดถอยลงเมื่อเทียบกับภาระหนี้ที่มีอยู่ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องยาวนาน

ทั้งนี้ ภายใต้เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่มของทริสเรทติ้ง หากอันดับเครดิตของบริษัท ซีเค พาวเวอร์ มีการเปลี่ยนแปลงไปก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- Group Rating Methodology, 13 มกราคม 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด (NN2PC)

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

NNPC223A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A

NNPC233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

NNPC239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

NNPC24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A

NNPC253A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A

NNPC259A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A

NNPC273A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A

NNPC27OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A

NNPC303A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ