ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. แอล เอช ไฟแนนเชียล กรุ๊ป” ที่ “BBB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 4, 2021 17:34 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท แอล เอช ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มแอล เอช ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (หรือเรียกว่า ?กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์?) ซึ่งมีบริษัทลูกรายสำคัญหลายแห่ง ได้แก่ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทอื่น ๆ ที่ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการกองทุนและธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์

อันดับเครดิตของบริษัทถูกลดทอนลงจากอันดับเครดิตของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 1 ขั้นจากการด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้างเนื่องจากบริษัทต้องพึ่งพาเงินปันผลจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่บริษัทจะได้รับการจ่ายเงินปันผลจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อันเนื่องมาจากกฎระเบียบที่ธนาคารต้องปฎิบัติตามในภาวะวิกฤติอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ไม่มีการดำเนินกิจการของกลุ่มธุรกิจการเงิน (NOHC)

การประเมินบริษัท แอล เอช ไฟแนนเชี่ยล กรุ๊ป ของทริสเรทติ้งสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ไม่มีการดำเนินกิจการของกลุ่มบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน (Non-operating Financial Holding Company -- NOHC) รวมทั้งยังเป็นบริษัทแม่ของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (อันดับเครดิต ?A-/Stable?) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ด้วย ในการนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยหลักของกลุ่มอยู่ 1 ขั้นซึ่งสะท้อนถึงการด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้างในสิทธิเรียกร้องของบริษัทที่มีต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ ของธนาคาร ในฐานะที่เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ไม่มีการดำเนินกิจการของกลุ่มบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน บริษัทต้องพึ่งพารายได้เงินปันผลจากธนาคารเพื่อการชำระหนี้ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในการได้รับการจ่ายเงินปันผลจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อันเนื่องมาจากกฎระเบียบที่ธนาคารต้องปฏิบัติตามในภาวะวิกฤติด้วย

สินทรัพย์ของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีสัดส่วนคิดเป็น 96.3% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท ณ สิ้นปี 2563 และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 ธุรกิจธนาคารเป็นธุรกิจหลักที่สร้างกำไรให้แก่กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 56.1% ของกำไรสุทธิก่อนรายการตัดบัญชีระหว่างกัน ตามมาด้วยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (6.5%) และธุรกิจบริหารจัดการกองทุน (3.9%) นอกจากนี้ กำไรสุทธิของกลุ่มยังมาจากรายได้เงินปันผลจากการลงทุนที่ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะยาวในหน่วยลงทุนประเภททรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust -- REIT) ซึ่งในอดีตสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงด้วย ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 กำไรจากกิจกรรมการลงทุนของกลุ่มมีสัดส่วนคิดเป็น 33.5% ของกำไรสุทธิซึ่งเท่ากับระดับในปีก่อนหน้า

ธุรกิจมีขนาดเล็ก

ทริสเรทติ้งยังคงมองว่าขนาดของแต่ละธุรกิจของบริษัทเป็นจุดอ่อนสำคัญต่ออันดับเครดิต โดยธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 1.2% สำหรับสินเชื่อและ 1.3% สำหรับเงินฝากเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยอื่น ๆ ณ สิ้นปี 2563 ในขณะที่ส่วนแบ่งรายได้นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งอยู่ที่ 0.7% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 นั้นสะท้อนให้เห็นถึงฐานลูกค้าที่มีขนาดเล็ก นอกจากนี้ ส่วนแบ่งทางการตลาดของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็มีขนาดเล็กที่ประมาณ 1.0% ณ สิ้นปี 2563 เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังคำนึงถึงการผนึกกำลังทางธุรกิจระหว่างกันภายในกลุ่มในระดับที่สูงขึ้นและการเพิ่มความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์คือ CTBC Bank Co., Ltd. (CTBC Bank) ด้วย ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มมีปริมาณการให้บริการการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance Service) ซึ่งใช้จุดแข็งของบริการและเครือข่ายของ CTBC Bank เพิ่มขึ้นถึงกว่า 2 เท่าในปี 2563 ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าสิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มและขยายธุรกิจของกลุ่มในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่แสดงให้เห็นถึงการส่งต่อลูกค้าให้แก่กันระหว่างธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อีกด้วย ซึ่งทริสเรทติ้งคาดหวังว่าความร่วมมือดังกล่าวจะค่อย ๆ เข้มแข็งยิ่งขึ้นในระยะยาว

เงินกองทุนมีความแข็งแกร่ง

สถานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งยังเป็นจุดแข็งสำคัญต่ออันดับเครดิตของบริษัท โดยในการประเมินสถานะเงินกองทุนของบริษัทนั้น ทริสเรทติ้งพิจารณารวมไปถึงปัจจัยชี้วัดด้านเงินกองทุนของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เนื่องจากธนาคารเป็นหน่วยที่ดำเนินงานหลักของกลุ่ม โดยทริสเรทติ้งประเมินว่าสถานะเงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมากเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Common Equity Tier-1 -- CET-1) ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารซึ่งอยู่ที่ระดับ 17.1% ณ สิ้นปี 2563 โดยเป็นอัตราสูงที่สุดเป็นอันดับสองของธนาคารพาณิชย์ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งก็มองว่าคุณภาพเงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับสูงเนื่องจากส่วนใหญ่ประกอบด้วย Core Equity ถึง 86.2% ของเงินกองทุนทั้งหมด ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิต ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าจุดแข็งดังกล่าวนี้จะยังคงอยู่ต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้าโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการทำกำไรที่อยู่ในระดับปานกลางของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

ทริสเรทติ้งประเมินว่าอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะอยู่ที่ระดับสูงเกินกว่า 17.1% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยการประมาณการของทริสเรทติ้งมาจากสมมติฐานที่ว่าธนาคารจะมีการเติบโตของสินเชื่อในระดับปานกลางที่ประมาณ 3.0% และจะมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ระดับประมาณ 50.0% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า

การก่อหนี้ที่บริษัทโฮลดิ้งอยู่ในระดับต่ำ

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับการก่อหนี้ที่ระดับต่ำเอาไว้ได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเมื่อพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะของบริษัท โดยจากข้อมูล ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2564 จำนวน 4.1 พันล้านบาท เมื่อพิจารณาในส่วนของงบการเงินเฉพาะของบริษัทแล้ว ทั้งบริษัทและบริษัทย่อยได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนและสภาพคล่องจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในรูปของวงเงินสินเชื่อ ดังนั้น สถานะเงินทุนของบริษัทเมื่อพิจารณาในส่วนของงบการเงินรวมแล้วจะสะท้อนสถานะเงินทุนของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นหลัก

สถานะสภาพคล่องมีเพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอสำหรับระยะ 12 เดือนข้างหน้าเนื่องจากบริษัทมีพอร์ตเงินลงทุนที่สามารถจำหน่ายออกไปได้ หากมีความต้องการสภาพคล่อง ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังได้รับวงเงินสินเชื่ออย่างต่อเนื่องจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อใช้สำรองสภาพคล่อง ทั้งนี้ สินทรัพย์สภาพคล่องของกลุ่มคิดเป็นสัดส่วน 35.6% ของสินทรัพย์รวม สินทรัพย์สภาพคล่องส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยรายการสินทรัพย์ระหว่างธนาคารจำนวน 3.2 หมื่นล้านบาทและเงินลงทุนสุทธิจำนวน 5.6 หมื่นล้านบาท และเมื่อพิจารณาในส่วนของงบการเงินเฉพาะของบริษัทแล้ว บริษัทถือว่ามีสินทรัพย์สภาพคล่องเพียงพอที่จะรองรับภาระหนี้สินในระยะสั้นได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทแอล เอช ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ในระหว่างปี 2564-2566 ดังนี้

? อัตราการเติบโตของสินเชื่อของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์: 3.0%

? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของบริษัท: 38.5%

? ค่าเฉลี่ยของสัดส่วนรายได้จากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์: 85% ของรายได้ทั้งหมด

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ของบริษัทสอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกหลักจะยังคงค่อย ๆ ขยายธุรกิจธนาคารต่อไปโดยได้รับการสนับสนุนด้านธุรกิจและเงินทุนจากพันธมิตรเชิงกลยุทธ์คือ CTBC Bank ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งก็คาดว่าการกระจุกตัวของสินเชื่อของธนาคารนั้นจะลดลงในระยะปานกลาง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทต่ำกว่าอันดับเครดิตของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกรายสำคัญของกลุ่มอยู่ 1 ขั้น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จึงมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของบริษัทด้วย นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของกลุ่มที่จะมีผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และบริษัทอ่อนแอลงก็อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของบริษัทในทางลบอีกด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- Banks Rating Methodology, 3 มีนาคม 2563

บริษัท แอล เอช ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ