ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ (Strategically Important) ของกลุ่มการเงิน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อีกทั้ง อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทยังสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจหลักทรัพย์ที่อยู่ในระดับปานกลาง ตลอดจนการพึ่งพารายได้จากเงินลงทุน ฐานทุนและความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับปานกลาง การมีสถานะความเสี่ยงที่เหมาะสม และแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่มากพอ
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มการเงิน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
ทริสเรทติ้งมองว่า บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีสถานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (หรือเรียกว่า ?กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์?) เนื่องจากกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทและควบคุมดูแลการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิด อีกทั้งบริษัทยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของกลุ่มในการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์และร่วมมือกับบริษัทลูกหลักของกลุ่มซึ่งได้แก่ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในการส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการระหว่างกันให้แก่ลูกค้าของกลุ่มอีกด้วย
ถึงแม้ว่าความร่วมมือระหว่างบริษัทลูกในกลุ่มจะอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ก็มีสัญญาณของความก้าวหน้าจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น ในปีที่แล้วบริษัทได้เสนอบริการ ?สินเชื่อลอมบาร์ด? (Lombard Loan) หรือที่มีชื่อทางการค้าว่า ?Wealth Lending? ให้แก่ลูกค้าของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพิ่มเติมจากบริการกองทุนส่วนบุคคลและบริการการแนะนำการลงทุนของบริษัท และนอกเหนือจากหน้าที่การเป็นบริษัทหลักทรัพย์ของกลุ่มแล้ว บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังมีบทบาทเชิงกลยุทธ์โดยได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนการลงทุนให้แก่กลุ่มซึ่งช่วยสร้างรายได้เงินปันผลที่มีนัยสำคัญจากกิจกรรมการลงทุนต่าง ๆ ของบริษัทอีกด้วย
กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีพันธสัญญาระยะยาวในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทโดยเห็นได้จากการสนับสนุนทางการเงินซึ่งรวมไปถึงการเพิ่มทุนและวงเงินสินเชื่อระยะยาวจากธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อีกทั้งชื่อเสียงของบริษัทยังมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับชื่อเสียงของกลุ่มจากการใช้เครื่องหมายการค้าเดียวกันด้วย
ทริสเรทติ้งมองว่าการปรับเพิ่มอันดับเครดิตจากการที่บริษัทได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มจะมีข้อจำกัดในระยะปานกลาง ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทจำเป็นจะต้องเพิ่มระดับในเรื่องของความร่วมมือและส่วนแบ่งรายได้ให้แก่กลุ่มให้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สถานะทางการตลาดในธุรกิจหลักทรัพย์อยู่ในระดับปานกลาง
สถานะทางธุรกิจของบริษัทยังคงมีข้อจำกัดจากการมีสถานะทางการตลาดที่มีขนาดเล็กในหลาย ๆ สายงานภายในธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัท ตัวอย่างเช่น ส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทยังคงมีขนาดเล็กด้วยส่วนแบ่งที่ระดับ 0.7% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 หรืออยู่ในอันดับที่ 30 จากผู้ประกอบการจำนวน 38 รายในอุตสาหกรรม ส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของบริษัทก็มีขนาดเล็กเช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ระดับ 0.4% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 หรืออยู่ในอันดับที่ 30 ในหมู่ผู้ประกอบการ ทั้งนี้ การมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมน้อยกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมยังคงเป็นข้อจำกัดต่อสถานะในการแข่งขันและความสามารถในการดึงดูดลูกค้ารายใหม่มาสู่บริการของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสถานะทางการตลาดในธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ภายใต้ข้อแม้ว่าความร่วมมือกันภายในกลุ่มมีความก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แผนของบริษัทที่จะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของฐานลูกค้าของกลุ่มน่าจะช่วยเพิ่มปริมาณธุรกรรมและสถานะทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจหลักทรัพย์ได้ในระยะปานกลาง
การพึ่งพารายได้จากเงินลงทุน
ทริสเรทติ้งคาดว่าการกระจายตัวของรายได้ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะที่ยาวนานขึ้นเนื่องจากคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากแผนการขยายธุรกิจ ทั้งนี้ ในปี 2563 รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลมีสัดส่วนคิดเป็น 60% ของรายได้รวมของบริษัท ซึ่งลดลงจากระดับ 63% ในปี 2562 จากการที่รายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์เติบโตขึ้น ในขณะเดียวกัน สัดส่วนรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมาอยู่ที่ระดับ 33% ในปี 2563 จากระดับ 26% ในปี 2562
ในระยะปานกลาง การที่บริษัทยังคงพึ่งพารายได้เงินปันผลจากเงินลงทุนเป็นแหล่งรายได้หลักนั้นจะเป็นปัจจัยกดดันต่ออันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทต่อไป ถึงแม้ว่ารายได้เงินปันผลจะมีความผันผวนต่ำกว่ารายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ แต่ทริสเรทติ้งก็มองว่าโครงสร้างรายได้ของบริษัทในปัจจุบันไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่งทางธุรกิจในฐานะของบริษัทหลักทรัพย์ หากแต่แสดงถึงสถานะการเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนด้านการลงทุนของกลุ่มมากกว่า นอกจากนี้ การกระจุกตัวของแหล่งรายได้ยังส่งผลให้รายได้ของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูงมากกว่าปกติอีกด้วย
ฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรอยู่ในระดับปานกลาง
บริษัทมีฐานทุนและระดับหนี้สินที่ปรับตัวดีขึ้น จากการที่กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพิ่มทุนให้จำนวน 955 ล้านบาทในปี 2563 และจากการลดปริมาณกิจกรรมการลงทุนลง โดยบริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยง (Risk-adjusted Capital, -- RAC) เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปี 2563 จากระดับ 3.4% ในปี 2562 ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าฐานทุนและภาระหนี้ของบริษัทจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและจะทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 6% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจากการคาดการณ์ที่บริษัทจะจำกัดกิจกรรมการลงทุนลงและจะค่อย ๆ ขยายฐานทุนโดยการเพิ่มกำไรสะสมของบริษัท
ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงอยู่ในระดับปานกลางด้วยอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยง (EBT/RWAs) ที่ระดับ 0.6%-0.7% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ดีของบริษัท ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญที่ 39.1% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 63.7% ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มเติมจากปัจจุบันอาจเกิดขึ้นได้ยาก และการที่บริษัทจะทำกำไรให้ดีขึ้นนั้นจำเป็นจะต้องมาจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและความร่วมมือกันภายในกลุ่ม
สถานะด้านความเสี่ยงอยู่ในระดับเหมาะสม
ทริสเรทติ้งพิจารณาว่าบริษัทมีสถานะด้านความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้เนื่องจากบริษัทปฏิบัติตามนโยบายการควบคุมความเสี่ยงของกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อีกทั้งทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษามาตรฐานการควบคุมความเสี่ยงทางด้านเครดิตและนโยบายการวางหลักประกันสำหรับเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่เข้มงวดซึ่งน่าจะช่วยรักษาคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเอาไว้ได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งมองว่าโดยทั่วไปแล้ว บริษัทมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในระดับต่ำ ดูจากกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในราคาหลักทรัพย์จากปริมาณเงินลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่ออันดับเครดิต โดยถึงแม้ว่าการลงทุนของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นเงินลงทุนในหน่วยลงทุนซึ่งให้รายได้เงินปันผลที่ค่อนข้างคงที่ แต่หน่วยลงทุนดังกล่าวเมื่อปรับมูลค่าเป็นมูลค่ายุติธรรมในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงมากได้แสดงให้เห็นแล้วว่าอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อสถานะทุนของบริษัทได้จาก ?การรับรู้ทางบัญชีผ่านองค์ประกอบอื่นของส่วนของเจ้าของ? (FVOCI)
ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าความเสี่ยงของบริษัทต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาหลักทรัพย์จะยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นที่จะลดขนาดเงินลงทุนลงตามแนวนโยบายของบริษัทแม่ โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีเงินลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 4 พันล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนของเจ้าของของบริษัทที่จำนวน 1.5 พันล้านบาท
แหล่งเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับเพียงพอโดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่
ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทมีสถานะของเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอเนื่องจากเชื่อว่าบริษัทน่าจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งจะช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัท โดยนอกจากการเพิ่มทุนในปี 2563 แล้ว การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มยังมีในรูปของวงเงินสินเชื่อจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่มอีกด้วย ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อทั้งสิ้นจำนวน 6.7 พันล้านบาท โดย 97% ของวงเงินดังกล่าวเป็นสินเชื่อจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
ผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ในปี 2563 ได้รับอานิสงส์จากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 โดยเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในปี 2563 ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์ในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งรายงานการเติบโตของรายได้โดยรวมที่ระดับ 12% ในปี 2563 เปรียบเทียบกับรายได้ที่หดตัว 7% ในปี 2562 ผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โรคโควิด 19) รอบใหม่มีผลกระทบต่อบรรยากาศของตลาดและมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่จำกัดโดยมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 9.7 หมื่นล้านบาท ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เทียบกับ 6.7 หมื่นล้านบาทในปี 2563 ดัชนีราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเข้าใกล้ระดับก่อนการระบาดของโรคโควิด 19 จากปัจจัยสนับสนุนซึ่งได้แก่การคาดการณ์รายได้ที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นของภาคธนาคารพาณิชย์และการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวหลังจากการเริ่มฉีดวัคซีนในประเทศไทย
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2566 มีดังนี้
? ส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.6%
? อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 0.1%
? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 42%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ (Strategically Important) ของกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และจะยังคงได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านการเงินและการดำเนินธุรกิจจากกลุ่มอย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งอีกด้วยว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในขณะที่บริษัทยังคงรักษาผลการดำเนินงานทางการเงินและฐานทุนให้อยู่ในระดับปัจจุบันได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทมีรายได้ประจำจากธุรกิจหลักคือธุรกิจหลักทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยง (RAC) ในระดับที่สูงเกินกว่า 6% เป็นระยะที่ยาวนานในช่วงเวลาหนึ่ง ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากบริษัทมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญและอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยง (RAC) ลดลงต่ำกว่า 3% ติดกันเป็นระยะเวลา 2 ปี นอกจากนี้ อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการทบทวนใหม่หากมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานภาพของบริษัทในกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ นั้นเปลี่ยนแปลงไป
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- Group Rating Methodology, 13 มกราคม 2564
- Securities Company Rating Methodology, 9 เมษายน 2563
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHS)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable