ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี” ที่ “BB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 31, 2021 11:51 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BB+? พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอของบริษัทและข้อได้เปรียบจากการมีทำเลทางธุรกิจอยู่ในจังหวัดชลบุรี อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งที่ภาระหนี้สินของบริษัทจะลดน้อยลงเนื่องจากบริษัทไม่น่าจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคต อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีขนาดธุรกิจที่เล็กและมีการกระจุกตัวของพื้นที่ดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความอ่อนไหวเป็นอย่างมากของบริษัทที่มีต่อวงจรธุรกิจและการแข่งขันที่รุนแรงในด้านราคาของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอและความได้เปรียบจากทำเลทางธุรกิจในจังหวัดชลบุรี

ความเข้มแข็งทางธุรกิจของบริษัทมาจากประวัติการดำเนินงานที่ยาวนานรวมถึงความสามารถในการแข่งขันในตลาดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง บริษัทดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปีและได้สร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในจังหวัดชลบุรีและระยอง โรงงานหลักของบริษัทซึ่งได้แก่โรงงานคอนกรีตสำเร็จรูป โรงงานคอนกรีตมวลเบา รวมถึงร้านค้าปลีกสมัยใหม่ก็ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบด้านการบริการและต้นทุนการขนส่งที่ดีกว่าบริษัทคู่แข่งที่มาจากภูมิภาค

อื่น ๆ

ธุรกิจของบริษัทยังได้ประโยชน์จากระดับการพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดชลบุรีที่มีค่อนข้างสูงซึ่งเห็นได้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าจะมีโครงการก่อสร้างที่มีศักยภาพจำนวนมากในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor -- EEC) ซึ่งจะทำให้มีอุปสงค์ด้านวัสดุก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากในระยะยาวอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทก็ลดทอนลงจากการมีประเภทของผลิตภัณฑ์สินค้าที่น้อยและมีตลาดที่แคบเนื่องจากความสามารถในการแข่งขันด้านการขนส่งสินค้าหรือโลจิสติกส์ของบริษัทนั้นจำกัดอยู่เฉพาะการให้บริการแก่ลูกค้าในเขตจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเท่านั้น

ธุรกิจที่มีขนาดเล็กและการกระจุกตัวของพื้นที่ดำเนินธุรกิจ

อันดับเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดจากการมีขนาดธุรกิจที่เล็ก โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้าวัสดุก่อสร้างอยู่ที่เพียงประมาณ 2%-3% นอกจากนี้ ขนาดของสินทรัพย์และรายได้ของบริษัทนั้นก็ยังถือว่าค่อนข้างเล็กอีกด้วยเมื่อเที่ยบกับบริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต

เนื่องจากรายได้ของบริษัทประมาณ 70%-80% นั้นมาจากลูกค้าที่อยู่ในจังหวัดชลบุรี บริษัทจึงมีการพึ่งพาเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทยค่อนข้างสูง

มีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของวงจรอุตสาหกรรมและการแข่งขันที่รุนแรงในระดับค่อนข้างสูง

ตลาดเป้าหมายของบริษัทมีความผันผวนที่สูงมากซึ่งส่งผลให้ผลกำไรของบริษัทมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ทั้งนี้ อุปสงค์ในสินค้าของบริษัทนั้นขึ้นอยู่กับการขึ้นลงของวงจรเศรษฐกิจ ตลอดจนกิจกรรมการก่อสร้าง และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของบริษัทยังลดทอนลงจากการแข่งขันในตลาดที่มีความรุนแรงซึ่งเห็นได้จากการแข่งขันด้านราคาในสินค้าโภคภัณฑ์ ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่มีน้อย และการมีคู่แข่งจำนวนมากในตลาด และเมื่อพิจารณาจากอัตรากำไรที่เบาบางและผันผวนแล้วจะเห็นได้ว่าบริษัทมีความอ่อนไหวค่อนข้างสูงต่อสภาวะตลาดที่ซบเซาด้วยเช่นกัน

มุ่งสู่ธุรกิจคอนกรีตสำเร็จรูป

ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าการที่บริษัทหันไปมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปนั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการปกป้องตำแหน่งทางการตลาด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปนั้นมีอัตราการทำกำไรที่สูงและมีเสถียรภาพมากกว่าคอนกรีตผสมเสร็จเนื่องจากต้องใช้ทักษะในการผลิต และมีจำนวนคู่แข่งที่น้อยกว่า โดยผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทส่วนใหญ่เป็นท่อระบายน้ำขนาดใหญ่และผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่เกี่ยวข้องกับระบบระบายน้ำ บริษัทมีแผนในการมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้มีสินค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้นรวมไปถึงเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเข้าสู่ตลาดที่มีอัตรากำไรสูงยิ่งขึ้น เช่น โครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าและก๊าซ

ธุรกิจคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทมีการเติบโตของรายได้ที่สม่ำเสมอในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็นประมาณ 33% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2563 เทียบกับ 27% ในปี 2559 อัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปอยู่ในช่วง 10%-15% ซึ่งสูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5% เมื่อพิจารณาจากแผนการขยายตัวของบริษัทแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทจะเพิ่มขึ้นโดยจะอยู่ที่ระดับ 35%-40% ของรายได้รวมในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

ผลการดำเนินงานดีแม้อยู่ในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19

ในปี 2563 กิจกรรมการก่อสร้างได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ด้วยเช่นกัน โดยรายได้รวมของบริษัทลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาทในปี 2563 จาก 2.6 พันล้านบาทในปี 2562 อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 9.1% เป็น 300 ล้านบาทจาก 279 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นนั้นเป็นผลมาจากสัดส่วนรายได้ที่เติบโตมากขึ้นในผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปที่มีอัตรากำไรสูง ในขณะที่ผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบานั้นยังคงมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์อสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

ในทางตรงกันข้าม ผลการดำเนินงานร้านค้าปลีกของบริษัทกลับอ่อนแอลงอีกเนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงในกลุ่มค้าปลีก ในขณะเดียวกัน บริษัทยังสามารถรักษายอดขายคอนกรีตผสมเสร็จเอาไว้ได้หลังจากที่บริษัทขายโรงงานคอนกรีตผสมเสร็จออกไปและเปลี่ยนลักษณะธุรกิจมาเป็นการซื้อขายและการจ้างผลิตคอนกรีตผสมเสร็จแทน ในอนาคตข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จจะยังคงเบาบางและสัดส่วนของกำไรจะเล็กลง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจของผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จของบริษัทจะช่วยลดความความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนคงที่ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ระดับกำไรก่อนภาษียังคงทรงตัว

ทริสเรทติ้งมองว่ารายได้ของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับการลงทุนภาครัฐในพื้นที่จังหวัดชลบุรี โดยทริสเรทติ้งคาดว่าการลงทุนภาครัฐซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกนั้นจะขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทน่าได้ประโยชน์เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นได้รับการผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายให้แก่โครงการซึ่งเป็นงานภาครัฐเป็นหลัก ทริสเรทติ้งคาดว่าผลิตภัณฑ์คอนกรีตมวลเบาจะยังคงสามารถทำกำไรได้

เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มของคอนกรีตสำเร็จรูป ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการทำกำไรและผลกำไรของบริษัทจะมีความผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา ภายใต้การคาดการณ์พื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 2.4 - 2.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2566 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในช่วง 10%-12% โดยบริษัทน่าจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระหว่าง 250-300 ล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาประมาณการ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านลบที่สำคัญอาจจะมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่ใช้เวลายาวนานและความล่าช้าในเปิดประมูลโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ

คาดว่าจะมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น

สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัทถือเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิต โดยสถานะความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทนั้นปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากภาระหนี้ที่ลดลง หนี้สุทธิของบริษัทลดลงเหลือ 646 ล้านบาทในปี 2563 จาก 800 ล้านบาทในปี 2562 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 41.2% ในปี 2563 จาก 28.9% ในปี 2562 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลงเหลือ 2.1 เท่าในปี 2563 จาก 2.9 เท่าในปี 2562

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทน่าจะลดลงไปอีกเนื่องจากบริษัทยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงเวลาประมาณการ โดยทริสเรทติ้งคาดว่างบลงทุนของบริษัทจะลดลงต่ำกว่า 130 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่บริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 200-250 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2566 นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นรวมประมาณ 180 ล้านบาทเพื่อรองรับความต้องการลงทุนด้วย ทริสเรทติ้งมีประมาณการสำหรับปี 2564-2566 โดยคาดการณ์ว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินสุทธิของบริษัทจะอยู่ในระดับเกินกว่า 40% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะลดลงต่ำกว่า 2 เท่า

สภาพคล่องเพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นรวม 180 ล้านบาท บริษัทน่าจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ระดับ 200-250 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่การใช้เงินทุนของบริษัทจะประกอบด้วยการชำระคืนเงินกู้ระยะยาวจำนวน 134 ล้านบาท เงินสำหรับการลงทุนต่างๆ จำนวน 130 ล้านบาท และเงินสำหรับการจ่ายปันผลอีกประมาณ 58 ล้านบาท

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้ของบริษัทจะคงอยู่ในช่วงระหว่าง 2.4-2.5 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2566

? อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ระหว่าง 10%-12%

? เงินลงทุนจะอยู่ที่ 130 ล้านบาทต่อปี

? อัตราการจ่ายเงินปันผลจะอยู่ที่ระดับ 50%-60%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นโดยภาระหนี้คงค้างจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดหลักได้และยังได้ประโยชน์จากการเร่งการลงทุนในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรและผลการดำเนินงานทางการเงินให้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งโดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินสุทธิอยู่ในระดับสูงกว่า 40% หรืออัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่าเป็นเวลาต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะบริหารสภาพคล่องให้รอบคอบยิ่งขึ้นเพื่อรับมือกับผลกระทบจากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย

แรงกดดันต่ออันดับเครดิตจะเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทและ/หรือระดับกระแสเงินสดต่อภาระหนี้อ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจเป็นไปได้หากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินสุทธิของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่า 10% เป็นระยะเวลาที่ยาวนานต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP)

อันดับเครดิตองค์กร: BB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ