ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกหลัก (Core subsidiary) ของกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทร (Kiatnakin Financial Group or KKP Group) ซึ่งอยู่ภายใต้ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) ทั้งนี้ อันดับเครดิตของ บล. เกียรตินาคินภัทรอยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตของธนาคารเกียรตินาคินภัทร (ระดับ ?A/Stable? ซึ่งจัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง)
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทลูกหลัก (Core subsidiary) ของกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทร
ทริสเรทติ้งจัดให้บริษัทเป็นสมาชิกหลัก (Core member) ของกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทรเนื่องจาบริษัททำหน้าที่เป็นหน่วยธุรกิจที่สำคัญ ในการให้บริการด้านตลาดทุนซึ่งช่วยทำให้กลยุทธ์ในการให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรของกลุ่มบรรลุเป้าหมาย โดยที่บริษัทมีแนวโน้มที่จะดำรงภารกิจดังกล่าวต่อไปในระยะยาว ทั้ง บล. เกียรตินาคินภัทรและธนาคารเกียรตินาคินภัทรยังได้แสดงให้เห็นถึงการผสานความร่วมมือระหว่างกันอีกด้วย ในขณะที่ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบริษัทและบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มก็เป็นไปในทิศทางที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น โดยบริษัทมีการขยายฐานลูกค้าโดยใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าของธนาคารเกียรตินาคินภัทรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง
ในส่วนของผลการดำเนินงานนั้น บริษัทมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่น่าพึงพอใจและยังคงสร้างรายได้ในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญให้แก่กลุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 รายได้รวมของบริษัทคิดเป็น 18% ของรายได้รวมของธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในฐานะที่เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารเกียรตินาคินภัทร บริษัทยังได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินในรูปของวงเงินสินเชื่อระยะยาวจากธนาคารเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมอีกด้วย นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนชื่อบริษัททั้งหมดในกลุ่มภายใต้ชื่อ ?เกียรตินาคินภัทร? นั้นยังช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่าง บล. เกียรตินาคินภัทร (ชื่อเดิม บล. ภัทร จำกัด (มหาชน)) กับกลุ่มให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วยเช่นกัน
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในธุรกิจตลาดทุน
บริษัทยังคงมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักทรัพย์ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ในอันดับที่ 4 เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมด้วยส่วนแบ่งที่ระดับ 5.8% อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ในช่วงเดียวกันอยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยส่วนแบ่งที่ระดับ 5.8% อีกด้วย
ความร่วมมือทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างบริษัทและธนาคารเกียรตินาคินภัทร จากการที่มีเป้าหมายทางการเงินและฐานลูกค้าร่วมกัน รวมทั้งการร่วมมือทางธุรกิจ ได้ช่วยส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งของบริษัท โดยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทเติบโตขึ้น 4% มาอยู่ที่ 598 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 สำหรับธุรกิจวานิชธนกิจนั้นบริษัทยังคงมีส่วนแบ่งรายได้อยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการ 3 อันดับแรกแม้ว่าสภาวะตลาดจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม ซึ่งผลสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากความร่วมมือกันระหว่างฝ่ายธุรกิจบรรษัทของธนาคารเกียรตินาคินภัทรและฝ่ายธุรกิจวาณิชธนกิจของ บล. เกียรตินาคินภัทร
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักทรัพย์ต่อไปได้โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการเพิ่มศักยภาพของพนักงานขายและความสามารถในการให้คำแนะนำการลงทุน ตลอดจนการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายและความสามารถในการวิจัย
สร้างรายได้ที่มีนัยสำคัญให้แก่กลุ่ม
ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสถานะความเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทรให้แก่บริษัท โดยรายได้ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของรายได้รวมของกลุ่มในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาซึ่งทริสเรทติ้งมองว่าเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ ส่วนในด้านของผลกำไรนั้น บริษัทมีกำไรสุทธิคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมของธนาคารเกียรตินาคินภัทรในปี 2563 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งจากการขยายธุรกิจ รวมทั้งจากการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ดี และการผสานร่วมมือกันระหว่างบริษัทในกลุ่มเกียรตินาคินภัทร โดยในปี 2563 บริษัทมีอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ระดับ 4.7% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 3.5% ในปี 2562
การบริหารจัดการความเสี่ยงที่สอดคล้องกับกลุ่ม
บริษัทมีนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับสมาชิกในกลุ่มเกียรตินาคินภัทรซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยนโยบายและการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตและความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ของบริษัทนั้นได้รับการควบคุมดูแลโดยคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของกลุ่ม ในขณะที่การปฏิบัติในส่วนของแนวทางด้านความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์นั้น บริษัทก็ดำเนินตามนโยบายของกลุ่มซึ่งมีกลยุทธ์จำกัดการลงทุนให้อยู่ในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ (เช่น กลยุทธ์การซื้อขายหลักทรัพย์แบบหากำไรจากความต่างกันของราคาหรือ Arbitrage ที่ไม่ผันผวนไปตามความเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวม) เพื่อที่จะควบคุมความเสี่ยงจากการลงทุนและการซื้อขายหลักทรัพย์
ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากธนาคารเกียรตินาคินภัทรอย่างต่อเนื่อง
สถานะในการจัดหาเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากธนาคารเกียรตินาคินภัทรในรูปของวงเงินสินเชื่ออย่างต่อเนื่องเป็นหลัก นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่น ๆ อีกด้วย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อจำนวนทั้งสิ้น 3.1 พันล้านบาทนอกเหนือจากวงเงินสินเชื่อจากธนาคารเกียรตินาคินภัทร โดยวงเงินสินเชื่อรวมดังกล่าวน่าจะเพียงพอสำหรับใช้เป็นทุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทและเพียงพอสำหรับรองรับภาวะการขาดสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นได้
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งตั้งอยู่บนความคาดหมายที่บริษัทจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทรต่อไป
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะในการเป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทรและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้หากสถานะเครดิตของธนาคารเกียรตินาคินภัทรเปลี่ยนแปลงไป หรือหากทริสเรทติ้งมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของระดับการสนับสนุนที่บริษัทได้รับจากกลุ่มเกียรตินาคินภัทร หรือสถานะในการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทที่มีต่อกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทรเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทย่อยอื่น ๆ ของกลุ่ม
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKPS)
อันดับเครดิตองค์กร: A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable