ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปีของบริษัทที่ระดับ ?A-? ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้ปัจจุบันบางส่วน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงความหลากหลายของสินค้าและสถานะของบริษัทในตลาดบ้านจัดสรรที่มีความแข็งแกร่งในระดับปานกลาง ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรที่น่าพอใจแม้ว่าจะมีการลดลงในด้านรายได้ ความยืดหยุ่นทางการเงินจากการลงทุนในบริษัทร่วม และระดับภาระหนี้ในช่วงธุรกิจชะลอตัว นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยังคงยืดเยื้อซึ่งอาจสร้างแรงกดดันมากยิ่งขึ้นต่อทั้งธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยและธุรกิจโรงแรม
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2563 เป็นไปตามการคาดการณ์ล่าสุดของทริสเรทติ้ง รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2563 ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 9.14 พันล้านบาท โดยสาเหตุหลักเนื่องมาจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยและผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงแรมที่อ่อนแอในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทก็อ่อนตัวลงเช่นเดียวกัน จากอัตรากำไรที่ลดลงของโครงการที่อยู่อาศัยและผลการดำเนินงานขาดทุนของธุรกิจโรงแรม ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2563 ลดลงมาอยู่ที่ 31% เมื่อเทียบกับ 34% ในปี 2562 อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมที่บริษัทได้รับช่วยลดผลกระทบจากอัตราการทำกำไรที่ลดลง อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในปี 2563 อยู่ที่ 34% ลดลงเล็กน้อยจาก 35.5% ในปี 2562
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังคงยืดเยื้อจะทำให้กำลังซื้ออ่อนตัวลงและสร้างแรงกดดันมากยิ่งขึ้นต่ออุปสงค์ที่อยู่อาศัย ทริสเรทติ้งคาดว่าการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยจะรุนแรงขึ้น ดังนั้น บริษัทจำเป็นต้องปรับปรุงสินค้าและกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อให้ยังคงสถานะการแข่งขันได้ ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 9 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปี ในขณะที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะมากกว่า 30% ในช่วงเวลา 2-3 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะคงภาระหนี้ในระดับปัจจุบันต่อไปอีกในระยะสั้นถึงปานกลาง โดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัท ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ระดับ 37% เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดตัวเฉพาะโครงการแนวราบซึ่งต้องการเงินทุนน้อยกว่าโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง จึงทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ในระหว่างปี 2564-2565 ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดทางการเงินที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนให้ต่ำกว่า 2 เท่านั้น ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.6 เท่า ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทน่าจะไม่มีปัญหาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทเพียงพอในอีก 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้ามูลค่า 3.6 พันล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 1.6 พันล้านบาท ตั๋วแลกเงินจำนวน 1 พันล้านบาท และเงินกู้ระยะยาวจำนวน 1 พันล้านบาท บริษัทได้ชำระหุ้นกู้จำนวน 600 ล้านบาทที่ครบกำหนดในเดือนเมษายน 2564 แล้วด้วยเงินสดภายใน ในการนี้ บริษัทตั้งใจจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ชำระหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนที่เหลือและชำระตั๋วแลกเงินบางส่วน ในขณะเดียวกัน บริษัทจะต่ออายุตั๋วแลกเงินส่วนที่เหลือและ/หรือชำระด้วยเงินสดภายใน บริษัทมีแหล่งสภาพคล่อง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 จากเงินสดในมือจำนวน 3.11 พันล้านบาทและวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวนประมาณ 4.21 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประมาณ 2.38 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินทรัพย์ที่ไม่ติดภาระเป็นหลักประกันคิดเป็นมูลค่าทุนอีกประมาณ 2.68 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับการขอวงเงินสินเชื่อใหม่ได้
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ตามเป้าหมาย โดยในช่วงปี 2564-2565 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทน่าจะอยู่ในช่วง 1 ถึง 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปีและบริษัทจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% เอาไว้ได้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 6 เท่าในระหว่างปี 2564-2565 รวมทั้งบริษัทจะรักษาอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ให้อยู่ในระดับเกินกว่า 30% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจมีการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับที่คาดไว้ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่สูงเกินกว่าระดับ 60% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายสูงเกินกว่า 6 เท่าเป็นเวลานาน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถปรับเพิ่มผลการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญในขณะที่สถานะทางการเงินของบริษัทไม่อ่อนแอลงจากระดับปัจจุบัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
QH225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
QH22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
QH243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปี A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable