ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกหลักของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มศรีสวัสดิ์เป็นสำคัญ โดยอันดับเครดิตของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (ระดับ ?BBB+/Stable? ซึ่งจัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง)
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีความเป็นหนึ่งเดียวกับกลุ่มในระดับสูง
ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทเป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่มศรีสวัสดิ์ โดยบริษัททำหน้าที่เป็นหน่วยธุรกิจหน่วยหนึ่งของกลุ่มที่ทำให้กลุ่มศรีสวัสดิ์สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และให้บริการแก่ฐานลูกค้าที่กว้างขวางมากขึ้น อีกทั้งการดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงมีความเป็นหนึ่งเดียวกับบริษัทแม่ในระดับสูง โดยกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจและนโยบายควบคุมความเสี่ยงนั้นมีบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่นเป็นผู้กำหนด ส่วนในด้านการดำเนินงานนั้น บริษัทพึ่งพาเครือข่ายสาขาของบริษัทแม่ในการอนุมัติและให้บริการสินเชื่อ โดยในช่วง 2-3 ที่ผ่านมา ยอดสินเชื่อคงค้างของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดสินเชื่อคงค้างรวมของบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 25%-30% ในปี 2563 และไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องมาจากเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นของบริษัท อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสัดส่วนดังกล่าวจะลดลง แต่ทริสเรทติ้งก็เชื่อว่าบริษัทน่าจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มศรีสวัสดิ์ในระยะปานกลางต่อไปเนื่องจากเพดานดอกเบี้ยที่ระดับ 36% ที่บริษัทได้รับอนุญาตในการให้บริการผลิตภัณฑ์บางประเภทภายใต้ใบอนุญาตบริษัทเงินทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้นเป็นประโยชน์ต่ออัตราดอกเบี้ยรับโดยรวมของกลุ่ม
สัดส่วนรายได้ที่แม้จะลดลง แต่ก็ยังคงมีความสำคัญ
ความสามารถในการสร้างผลประกอบการทางการเงินในระดับที่น่าพึงพอใจและมีสัดส่วนรายได้ในระดับที่มีนัยสำคัญให้แก่บริษัทแม่ เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่มศรีสวัสดิ์ โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 30%-35% ของรายได้รวมของกลุ่ม ถึงแม้ว่ายอดสินเชื่อคงค้างของบริษัทจะหดตัวและส่งผลให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มลดลงมาอยู่ที่ระดับ 22% ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 แต่สัดส่วนรายได้ดังกล่าวยังคงถือว่าอยู่ในระดับสูงและมีความสำคัญต่อกลุ่มเมื่อพิจารณาจากมุมมองของทริสเรทติ้ง อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ที่มีต่อกลุ่มที่ลดลงอย่างต่อเนื่องก็อาจเปลี่ยนมุมมองของทริสเรทติ้งต่อระดับความสำคัญของบริษัทที่มีต่อกลุ่มซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบในแง่ลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้
ได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่าบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ได้ให้วงเงินสินเชื่อแก่บริษัทจำนวน 1.0-2.5 พันล้านบาทรวมทั้งยังได้เพิ่มทุนจำนวน 5.9 พันล้านบาทให้แก่บริษัทซึ่งทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทของบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น เพิ่มขึ้นเป็น 82% ในปี 2562 อีกด้วย ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาของบริษัทแม่ในระยะยาว โดยทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างทันท่วงทีในภาวะที่จำเป็น
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งอยู่ภายใต้ความคาดหมายที่บริษัทจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทลูกหลักของบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ต่อไป
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ของบริษัทสะท้อนถึงแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น และความคาดหวังของ ทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น อีกทั้งบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากบริษัทแม่อย่างต่อเนื่องต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามสถานะเครดิตของบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จากการที่บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่ม ในการนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหาก
ทริสเรทติ้งเห็นว่าระดับความสำคัญที่บริษัทมีต่อบริษัทแม่นั้นลดน้อยถอยลง หรือหากมีปัจจัยบ่งชี้ให้เห็นถึงการสนับสนุนจากบริษัทแม่ที่ลดลงแม้ทริสเรทติ้งจะมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเป็นไปได้ในช่วงเวลา 2-3 ปีข้างหน้าก็ตาม
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) (BFIT)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable