ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล” เป็น “BBB-” จาก “BBB+” แนวโน้ม “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 9, 2021 09:24 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (ทรัสต์ฯ) เป็นระดับ ?BBB-? จากระดับ ?BBB+? และยังคงแนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? ทั้งนี้ การปรับลดอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของโรงแรมที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยืดเยื้อและความล่าช้าของแผนการเพิ่มทุนของทรัสต์ฯ ทั้งนี้ ภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ถือเป็นเหตุสุดวิสัยภายใต้ข้อตกลงในสัญญาเช่าระหว่างทรัสต์ฯ และ บริษัท แอล แอนด์ เอช โฮเทล แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เช่าช่วง โดยทำให้ผู้เช่าช่วงสามารถยกเว้นการจ่ายค่าเช่าเกือบทั้งหมดได้นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมาและคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปอีกในปี 2564 และอาจจะต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2565 นอกจากนี้ สภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยในตลาดทุนยังทำให้แผนการเพิ่มทุนของทรัสต์ฯตามกำหนดการเดิมเป็นไปได้ยากซึ่งส่งผลให้ภาระหนี้ของทรัสต์ฯยังคงอยู่ในระดับสูงภายหลังจากการซื้อ ?โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55? ในเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยทรัสต์ฯใช้เงินกู้ยืมเป็นแหล่งเงินทุน

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าสถานะเครดิตของทรัสต์ฯ จะยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันต่อไปอีกในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า

ในขณะที่อันดับเครดิตสะท้อนถึงสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสูงของทรัสต์ฯ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีของกรุงเทพฯ ตลอดจนโอกาสในการเติบโตในอนาคตของทรัสต์ฯ จากสินทรัพย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุน คือ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ ?A+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวก็ลดทอนลงจากธรรมชาติที่มีความผันผวนของธุรกิจโรงแรมและสินทรัพย์ของทรัสต์ฯ ที่มีขนาดเล็กซึ่งกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ผลกระทบที่รุนแรงจากโรคโควิด 19 จะยังคงดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ทริสเรทติ้งมองว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรค

โควิด 19 ต่อไปในช่วงที่เหลือของปี 2564 เนื่องจากการแพร่ระบาดระลอกต่าง ๆ และความล่าช้าในการกระจายวัคซีนทำให้แผนการผ่อนคลายมาตรการการจำกัดการเดินทางและการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องล่าช้าออกไป โดย

ทริสเรทติ้งคาดว่าอุปสงค์โรงแรมจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปในปี 2564 ในขณะที่สัญญาณการฟื้นตัวของโรงแรมซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวในต่างจังหวัดอาจเริ่มได้เร็วกว่าเนื่องจากลูกค้าของโรงแรมเหล่านี้มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าอุปสงค์โรงแรมในกรุงเทพฯ ซึ่งลูกค้าหลักส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นจะฟื้นตัวในอัตราที่ช้ากว่า

ในประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมทั้ง 3 แห่งของทรัสต์ฯ จะยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดปี 2564 และต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2565 โดยทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) ในปี 2564 จะต่ำกว่าในปี 2562 ที่ระดับ 80% และรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในปี 2565 จะปรับดีขึ้นในระดับที่ต่ำกว่าในปี 2562 ประมาณ 50% ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโรคโควิด 19 ในปี 2567

ปัจจุบันทรัสต์ฯ เป็นเจ้าของโรงแรม 3 แห่งซึ่งประกอบด้วย ?โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21? ?โรงแรม

แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ? และ ?โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55? โดยโรงแรมทั้งหมดมีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 1,401 ห้อง โรงแรมทุกแห่งดังกล่าวได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีและตั้งอยู่ในทำเลที่ดีของกรุงเทพฯ โดยมีลูกค้าหลักเป็นชาวญี่ปุ่นและจีน เพื่อให้โรงแรมมีรายได้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทรัสต์ฯ จึงเปิดให้โรงแรมทั้ง 3 แห่งใช้เป็นสถานที่กักตัวทางเลือกของรัฐ (Alternative State Quarantine -- ASQ) ด้วย ทั้งนี้ รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ ในปี 2563 ลดลงมากถึง 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 ลดลง 60% โดยรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของโรงแรมทั้ง 3 แห่งในไตรมาสแรกของปี 2564 ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 10%-15% จากปี 2563

คาดว่าทรัสต์ฯ จะไม่มีรายได้ค่าเช่าตลอดทั้งปี 2564 ไปจนถึงต้นปี 2565

ผลการดำเนินงานของโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดที่ยาวนานซึ่งเข้าเงื่อนไขที่เป็นเหตุสุดวิสัยภายใต้สัญญาเช่าระหว่างทรัสต์ฯ และผู้เช่าช่วง ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวนี้ทำให้ผู้เช่าช่วงสามารถยกเว้นการจ่ายค่าเช่าให้แก่ทรัสต์ฯ เป็นเวลา 9-10 เดือนในปี 2563 และต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2564 ด้วย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะยังไม่สามารถควบคุมได้ภายในสิ้นปี 2564 นี้ ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าผู้เช่าช่วงจะยกเว้นการจ่ายค่าเช่าต่อไปอีกตลอดทั้งปี 2564 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2565 โดยทรัสต์ฯ มีแนวโน้มที่จะได้รับเพียงค่าเช่าคงที่ในช่วงไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 เท่านั้นเนื่องจากทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมจะยังคงอ่อนแออยู่ สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อรายได้ค่าเช่าในส่วนของค่าเช่าผันแปร โดยทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมในปี 2566 จะมีรายได้จากค่าเช่าคงที่เต็มปีและเริ่มนำส่งค่าเช่าผันแปรบางส่วนให้แก่ทรัสต์ฯ

รายได้ค่าเช่าของทรัสต์ฯ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของโรงแรมซึ่งบริหารโดยผู้เช่าช่วงภายใต้โครงสร้างการคิดค่าเช่าในปัจจุบันเป็นสำคัญ จากการที่กฎระเบียบที่เกี่ยวกับทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ห้ามไม่ให้ทรัสต์ฯ นั้นๆ ดำเนินการบริหารโรงแรมเอง ทรัสต์ฯ จึงให้เช่าช่วงโรงแรมแก่บริษัท แอล แอนด์ เอช โฮเทล แมเนจเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ โดยบริษัท แอล แอนด์ เอช โฮเทล แมเนจเมนท์ มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเช่าคงที่และค่าเช่าผันแปรให้แก่ทรัสต์ฯ โดยค่าเช่าคงที่จะมีการปรับปรุงใหม่ทุกปีตามผลการดำเนินงานจริงของโรงแรมแต่ละแห่งแต่จะต้องไม่ต่ำกว่าค่าเช่าคงที่ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าช่วงที่ลงนามไว้ตั้งแต่แรก สำหรับค่าเช่าผันแปรนั้นจะอยู่ที่ระดับ 85% ของผลการดำเนินงานที่ทำได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโรงแรมและค่าเช่าคงที่แล้ว ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย สัญญาก็อนุญาตให้ผู้เช่าช่วงสามารถเลื่อนหรือยกเว้นการชำระค่าเช่าคงที่และค่าเช่าผันแปรให้แก่ทรัสต์ฯ ออกไปได้ ทั้งนี้ หากรายได้ค่าห้องพักในเดือนที่ได้รับผลกระทบลดลงต่ำกว่ารายได้ค่าห้องพักในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 20%-50% ผู้เช่าช่วงก็อาจเลื่อนการชำระค่าเช่าในเดือนที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวออกไปได้ และหากรายได้ค่าห้องพักในเดือนที่ได้รับผลกระทบลดลงต่ำกว่ารายได้ค่าห้องพักในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าเกินกว่า 50% และเข้าเงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าช่วง ผู้เช่าช่วงก็สามารถยกเว้นการชำระค่าเช่าให้แก่ทรัสต์ฯ ในเดือนที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้

สินทรัพย์มีขนาดเล็กและมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัว

ในการทบทวนอันดับเครดิตของทรัสต์ฯ นั้น ทริสเรทติ้งยังพิจารณาครอบคลุมไปถึงการที่ทรัสต์ฯ มีสินทรัพย์ขนาดเล็กด้วย โดยรายได้ค่าเช่าของทรัสต์ฯ ต้องพึ่งพาโรงแรมเพียง 3 แห่งซึ่งมีทำเลที่ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ เท่านั้น ดังนั้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจึงผันแปรไปตามความเสี่ยงที่เกิดจากเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของโรงแรมใดโรงแรมหนึ่งหรือโรงแรมทุกแห่งในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้และยังผันแปรไปตามความผันผวนของธุรกิจโรงแรมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากทรัสต์ฯ มีการขยายสินทรัพย์ที่สร้างรายได้มากขึ้นในอนาคต ความเสี่ยงเหล่านี้ก็อาจจะลดทอนลงไปได้ในระดับหนึ่ง

ภาระหนี้อยู่ในระดับสูงจากความล่าช้าของแผนการเพิ่มทุน

ทริสเรทติ้งเคยประเมินไว้ว่าทรัสต์ฯ มีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังเนื่องจากทรัสต์ฯ มีนโยบายที่จะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์รวมให้ต่ำกว่า 25% อย่างไรก็ตาม การลงทุนในโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 โดยใช้เงินกู้ยืมเป็นแหล่งเงินทุนทั้งจำนวนได้ทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของทรัสต์ฯ เพิ่มขึ้นเป็น 45% ณ เดือนธันวาคม 2562 จากสถานการณ์ดังกล่าวทริสเรทติ้งไม่ได้ทำการปรับลดอันดับเครดิตก่อนหน้านี้เนื่องจากทรัสต์ฯ มีแผนเพิ่มทุนที่ค่อนข้างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพตลาดทุนที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรค

โควิด 19 ได้ทำให้ทรัสต์ฯ ต้องชะลอแผนการเพิ่มทุนออกไปจากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มทุนได้ในช่วงกลางปี 2563 ดังนั้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของทรัสต์ฯ จึงอยู่ที่ระดับ 48% ณ เดือนมีนาคม 2564

ในสถานการณ์ที่ไม่มีการเพิ่มทุน ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของทรัสต์ฯ จะยังคงอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 11 เท่าในปี 2565 และ 7 เท่าในปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับที่ระดับประมาณ 2 เท่าในปี 2561 ก่อนการลงทุนในโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 โดยใช้เงินกู้ยืมทั้งจำนวน ในสถานการณ์ปัจจุบันการเพิ่มทุนจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าสภาวะตลาดจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงประมาณปลายปี 2565 หรือปี 2566

สภาพคล่องตึงตัว

แม้จะคาดการณ์ว่าทรัสต์ฯ จะไม่มีรายได้ค่าเช่าตลอดทั้งปี 2564 ไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2565 แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าทรัสต์ฯ จะสามารถบริหารสภาพคล่องให้เพียงพอได้ในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ โดย ณ เดือนมีนาคม 2564 แหล่งสภาพคล่องทางการเงินของทรัสต์ฯ ประกอบด้วยเงินลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยตามมูลค่ายุติธรรมจำนวน 154 ล้านบาทและวงเงินหมุนเวียนสำหรับใช้ในการดำเนินงานที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 150 ล้านบาท

นอกจากนี้ ทรัสต์ฯ ยังได้รับความยินยอมจากธนาคารผู้ให้เงินกู้ให้เลื่อนการจ่ายชำระเงินกู้ในช่วงปี 2563-2564 และเลื่อนการจ่ายชำระดอกเบี้ยสำหรับช่วงไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ออกไปได้ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของทรัสต์ฯ มีค่อนข้างน้อยและทริสเรทติ้งเชื่อว่าทรัสต์ฯ จะไม่จ่ายเงินปันผลในไตรมาสที่มีการยกเว้นค่าเช่า

ในปี 2565 ทรัสต์ฯ จะต้องจ่ายชำระเงินต้นจำนวน 52 ล้านบาทและทดแทนเงินกู้ยืมชั่วคราวจำนวน 3.1 พันล้านบาทด้วยวงเงินกู้ยืมระยะยาวซึ่งไม่สามารถยกเลิกได้ นอกจากนี้ ทรัสต์ฯ ยังมีภาระผูกพันที่ต้องจ่ายชำระดอกเบี้ยทั้งหมดจำนวนประมาณ 320 ล้านบาทซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่ายของปี 2565 จำนวน 180 ล้านบาทและดอกเบี้ยค้างจ่ายจากปี 2564 จำนวน 140 ล้านบาทอีกด้วย ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดทำให้ทรัสต์ฯ ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านความสามารถในการบริหารจัดการภาระผูกพันต่างๆ ในปี 2565 อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ทรัสต์ฯ มีแผนจะเจรจาต่อรองกับธนาคารผู้ให้กู้ยืมทั้งหลายอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564

ข้อกำหนดสิทธิทางการเงินของเงินกู้จากธนาคารของทรัสต์ฯ ระบุให้ทรัสต์ฯ ต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้ต่ำกว่า 1 เท่าและอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ไม่ต่ำกว่า 1.2 เท่า ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2564 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนของทรัสต์ฯ อยู่ที่ระดับ 0.95 เท่า ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ น่าจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนและอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดสิทธิของเงินกู้จากธนาคารได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในปี 2564 จะอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2562 ที่ 80% แต่รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในปี 2565 จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นเป็นต่ำกว่าระดับในปี 2562 ที่ประมาณ 50% และหลังจากนั้นในปี 2567 จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19

? การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยาวนานยังคงเข้าเงื่อนไขเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ผู้เช่าสามารถยกเว้นค่าเช่าต่อไปได้อีกตลอดทั้งปี 2564 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะมีแค่รายได้ค่าเช่าคงที่ในช่วงไตรมาสที่ 2 จนถึงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 เท่านั้น

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมและสถานะเครดิตของทรัสต์ฯ จะยังคงได้รับแรงกดดันต่อไปอีกในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของทรัสต์ฯ อาจปรับลดลงได้อีกหากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยาวนานของโรคโควิด 19 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของโรงแรมและ/หรือสถานะทางการเงินของทรัสต์ฯ อ่อนแอลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ สถานการณ์ในการปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากความเสี่ยงด้านสภาพคล่องทางการเงินของทรัสต์ฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย

ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นหากมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของธุรกิจโรงแรมและผลการดำเนินงานของทรัสต์ฯ หรือหากแผนการเพิ่มทุนและการปรับโครงสร้างเงินทุนสำเร็จผลโดยที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์รวมอยู่ในระดับต่ำกว่า 30% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระดับต่ำกว่า 5 เท่า รวมถึงการที่ทรัสต์ฯ มีความสามารถในการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างเหมาะสม

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์, 12 ตุลาคม 2559

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ