ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. อมตะ คอร์ปอเรชัน” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 6, 2021 09:47 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่?

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลงานที่ได้รับการยอมรับของบริษัทในฐานะหนึ่งในผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ตลอดจนฐานรายได้ประจำจำนวนมากจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและเงินปันผลรับจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกจำกัดโดยภาระหนี้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนความเสี่ยงของประเทศและความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทในต่างประเทศ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังคงพิจารณาถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ส่งผลให้กิจกรรมการลงทุนลดลงเป็นอย่างมาก รวมทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ยอดขายที่ดินอ่อนตัวลงมากจากการยืดเยื้อของโรคโควิด 19

มาตรการควบคุมการเดินทาง ตลอดจนเศรษฐกิจที่ตกต่ำจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลลบอย่างมากต่อภาคการลงทุนและยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ยอดขายที่ดินของบริษัทลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ 213 ไร่ ในปี 2563 และ 36 ไร่ในไตรมาสแรกของปี 2564 เทียบกับระดับ 600-800 ไร่ในปี 2561-2562

ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่ายอดขายที่ดินของบริษัทจะยังเผชิญแรงกดดันในช่วงที่เหลือของปีนี้ แนวโน้มยอดขายในปี 2564 ยังคงอ่อนแอจากสถานการณ์โรคโควิด 19 ที่ยืดเยื้อและรุนแรงเพิ่มขึ้น รวมทั้งมาตรการการกักตัวสำหรับนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสัญญาณการฟื้นตัวจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นในปี 2565 เมื่อระดับภูมิคุ้มกันหมู่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามแผนการฉีดวัคซีนของประเทศเพิ่มขึ้น กอปรกับการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง รวมทั้งการฟื้นตัวของภาคการลงทุน

ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่า บริษัทจะมียอดขายที่ดินในไทยที่ระดับประมาณ 300 ไร่ในปี 2564 และจะปรับเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ช่วงก่อนเกิดโรคโควิด19 ที่ระดับ 550-700 ไร่ในปี 2565-2566 รายได้จากการโอนที่ดินในประเทศไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาทในปี 2564 และเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.6-2.3 พันล้านบาทในปี 2565-2566

ในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าบริษัทจะยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกจากการที่บริษัทมีที่ดินจำนวนมากถึงประมาณ 12,000 ไร่ในจังหวัดชลบุรีและระยอง และคาดว่าความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์จากความต้องการในการย้ายฐานการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดของสงครามทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน ทริสเรทติ้งเชื่อว่ากลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve Industry) และการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่เป็น Smart City ร่วมกับพันธมิตรจากหลายประเทศน่าจะช่วยให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในอนาคต

คาดว่ารายได้จากประเทศเวียดนามจะปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากผลการดำเนินงานในประเทศเวียดนามจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป หลังจากที่ขั้นตอนการได้รับใบอนุญาตเป็นไปอย่างล่าช้าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายที่ดินในเวียดนามจำนวน 0-40 ไร่ในปี 2561-2563 เทียบกับระดับ 220 ไร่ในปี 2560 ยอดขายที่ลดลงเนื่องมาจากบริษัทได้ขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกหมด กอปรกับความล่าช้าของการได้รับใบอนุญาตในนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสัญญาณความคืบหน้าของโครงการอมตะซิตี้ ฮาลอง ที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม เนื่องจากมียอดขายที่ดิน 204 ไร่ในไตรมาสแรกของปี 2564 บริษัทคาดว่าจะโอนที่ดินและรับรู้รายได้จากนิคมอุตสาหกรรมนี้ได้ในช่วงปลายปี 2564

ทริสเรทติ้งมีมุมมองที่ดีต่อนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนามจากการที่บริษัทได้ประโยชน์จากการมีต้นทุนค่าแรงที่ต่ำ และมีทำเลที่ตั้งใกล้ประเทศจีน ตลอดจนสิทธิประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับหลายประเทศ บริษัทมีลูกค้าที่มีศักยภาพจำนวนมาก แต่ไม่สามารถขายที่ดินได้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบและความล่าช้าของขั้นตอนการได้รับใบอนุญาต ทั้งนี้ บริษัทยังมีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตต่าง ๆ หากยังมีความล่าช้าต่อไปอีกอาจส่งผลให้รายได้ของบริษัทชะงักได้ในอนาคต ทริสเรทติ้งประมาณการว่ายอดขายที่ดินในประเทศเวียดนามจะอยู่ที่ระดับปีละ 200-400 ไร่ในช่วง 3 ปีข้างหน้า และรายได้จากการโอนที่ดินจะอยู่ที่ระดับ 0.7-2.7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

ภาระหนี้จะยังคงเพิ่มขึ้น

การขยายงานอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้น หนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 จาก 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 2562 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 43.2% ในปี 2563 และ 42.1% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 จากระดับ 40.5% ในปี 2562 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.4 เท่าในปี 2563 และ 7 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2564 จาก 4.2 เท่าในปี 2562

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการในแผนงานของบริษัท บริษัทมีแผนในการซื้อและพัฒนาที่ดินในประเทศไทย ตลอดจนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่หลายแห่งในประเทศเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ทริสเรทติ้งคาดว่าค่าใช้จ่ายลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 4-7 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ คาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ 2.1-3 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2566 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับ 6-7 เท่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 48% ในช่วงเวลาเดียวกัน และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย จะอยู่ที่ 3.3-4.1 เท่า ในปี 2564-2566

ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับการชำระคืนก่อนจำนวน 7 พันล้านบาทจากหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยทั้งหมดจำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท หนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับการชำระคืนก่อนส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทย่อย ทั้งนี้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับการชำระคืนก่อนเทียบกับหนี้สินรวมในระดับต่ำกว่า 50% ทำให้ทริสเรทติ้งมองว่าเจ้าหนี้ของบริษัทที่ไม่มีหลักประกัน ไม่ได้มีความเสียเปรียบเจ้าหนี้ที่มีสิทธิสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

ฐานรายได้ประจำช่วยลดผลกระทบในช่วงเศรษฐกิจขาลงได้บางส่วน

สถานะทางธุรกิจของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค รายได้ดังกล่าวมีความแน่นอนสูงและช่วยลดความผันผวนของยอดขายที่ดินได้บางส่วน ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคของบริษัทครอบคลุมไปถึงการให้บริการน้ำดิบ น้ำเพื่อการอุตสาหกรรม และบริการบำบัดน้ำเสีย บริษัทมีรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.8 พันล้านบาท หรือ 44% ของรายได้รวมในปี 2563 จาก 1.3 พันล้านบาท หรือ 17% ของรายได้รวมในปี 2556 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณลูกค้าและความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท

อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคก็ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 ผู้ประกอบการบางรายตัดสินใจหยุดการผลิตชั่วคราวหรือลดปริมาณการผลิตลงในช่วงของการแพร่ระบาด รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคจำนวน 1.8 พันล้านบาทในปี 2563 ลดลง 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2564 จำนวน 0.5 พันล้านบาท ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังคงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มของธุรกิจสาธาณูปโภค และคาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ในช่วงปลายปี 2564

เงินปันผลจากธุรกิจโรงไฟฟ้าช่วยเพิ่มกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอแก่บริษัท

บริษัทได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่งร่วมกับ บริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด ปัจจุบันกำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 260 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นผ่านกิจการร่วมทุนในสัดส่วน 4.0% ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี. กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า 2 แห่งในจังหวัดชลบุรีด้วย ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าประมาณ 0.4 พันล้านบาทต่อปี

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่จัดการได้

ทริสเรทติ้งประเมินสภาพคล่องของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ โดย ณ เดือนมีนาคม 2564 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 2.6 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านบาท รวมทั้งวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้ประมาณ 2.6 พันล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนขางหน้าเท่ากับ 1.3 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาท ทั้งนี้ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทจะสามารถรักษาสภาพคล่องไว้ได้ในช่วงที่ผลประกอบการอ่อนแอลงจนกระทั่งการฟื้นตัวอย่างมั่นคงในอนาคต

ตามข้อกำหนดทางการเงินของตราสารหนี้ที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้ต่ำกว่ำ 2.5 เท่านั้น ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.8 เท่าซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทน่าจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวได้ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณการ

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 17% มาอยู่ที่ระดับ 5.1 พันล้านบาทในปี 2564 และจะเติบโตมาอยู่ที่ระดับ 7.0-7.4 พันล้านบาทในช่วงปี 2565-2566

? อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 48% ในขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ที่ระดับประมาณ 40%-42%

? ค่าใช้จ่ายลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 4-7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2566

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค รวมทั้งเงินปันผลจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และรายได้ค่าเช่าโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานให้แก่บริษัทได้บางส่วนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากภาระหนี้ของบริษัทลดลง จนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่ำกว่า 4 เท่าอย่างต่อเนื่องยาวนาน และมีฐานรายได้จากประเทศเวียดนาม และ/หรือประทศอื่นเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลง หากบริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายสูงเกินกว่า 8 เท่าเป็นระยะเวลานาน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

AMATA22OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-

AMATA23OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-

AMATA24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-

AMATA258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-

AMATA25OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-

AMATA27OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-

AMATA288A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 750 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ