ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?AAA? พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งเป็นหลักว่าธนาคารมีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mega International Commercial Bank Co., Ltd. ในประเทศไต้หวัน (Mega ICBC-Taiwan ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้ม ?Stable? หรือ ?คงที่?) โดยธนาคารได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารแม่อย่างต่อเนื่องซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าการสนับสนุนดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคต
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mega ICBC-Taiwan
จากการประเมินของทริสเรทติ้งมองว่าธนาคารมีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mega ICBC-Taiwan โดยธนาคารเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย Mega ICBC-Taiwan และมีบทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์ของกลุ่มในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามแนวทาง ?New Southbound Policy? ของรัฐบาลประเทศไต้หวัน โดยนโยบายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจของไต้หวันกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ในฐานะที่ธนาคารเป็นหน่วยธุรกิจที่สำคัญส่วนหนึ่งของ Mega ICBC-Taiwan ธนาคารจึงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดจากธนาคารแม่ทั้งในด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจและการบริหารความเสี่ยง โดยลูกค้าส่วนหนึ่งของธนาคารได้รับการอ้างอิงมาจากธนาคารแม่และหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลไต้หวัน
ทริสเรทติ้งเชื่อว่า Mega ICBC-Taiwan มีพันธสัญญาระยะยาวที่แข็งแกร่งในการให้การสนับสนุนแก่ธนาคารตามเหตุผลเชิงกลยุทธ์ที่กล่าวแล้วข้างต้น ทั้งนี้ Mega ICBC-Taiwan มีประวัติในการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ธนาคารในรูปของวงเงินสินเชื่อสำรองและการเพิ่มทุน ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษอย่างทันท่วงทีจากกลุ่มในยามที่จำเป็น นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังมองว่าการผิดนัดชำระหนี้ของธนาคารจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของ Mega ICBC-Taiwan อย่างรุนแรงเนื่องจากความเชื่อมโยงที่ใกล้ชิดและการใช้ชื่อแบรนด์เดียวกัน
มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้านักธุรกิจชาวไต้หวัน
ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ เป็นธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารสัญชาติไต้หวันเพียงแห่งเดียวที่ดำเนินงานในประเทศไทย ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 2.52 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งค่อนข้างมั่นคงเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงปีก่อนหน้า ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านสินเชื่อและเงินฝากซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยแล้วถือว่าอยู่ในระดับปานกลางซึ่งคล้ายกับธนาคารต่างประเทศรายอื่น ๆ
ธนาคารมีกลยุทธ์และเป้าหมายทางการเงินที่สอดคล้องกับของธนาคารแม่ นอกจากนี้ ในขณะที่ธนาคารเน้นให้บริการแก่กลุ่มลูกค้านักธุรกิจชาวไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตามแนวทาง ?New Southbound Policy? นั้น ธนาคารก็ยังขยายการให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่มอื่น เช่น บริษัทธุรกิจชาวไทยขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มความหลากหลายไปด้วยแม้ว่าจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม ปัจจุบันการให้สินเชื่อแก่บริษัทไต้หวันคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50%-60% ของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร ทั้งนี้ พอร์ตสินเชื่อของธนาคารยังคงกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มลูกค้าที่เป็บริษัทขนาดใหญ่และกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small- and Medium-sized Enterprises - SMEs) ในภาคการผลิต โดยที่สินเชื่อที่ให้แก่ภาคการผลิตนั้นมีสัดส่วนคิดเป็น 56% ของสินเชื่อรวมของธนาคาร ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564
นโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบมีความสอดคล้องกับกลุ่ม
ในฐานะที่เป็นหน่วยธุรกิจที่สำคัญส่วนหนึ่งของ Mega ICBC-Taiwan ธนาคารมีการใช้นโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบและดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มการดำเนินงานของกลุ่ม คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารยังคงดีกว่าค่าเฉลี่ยของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย แม้ว่าจะมีการเสื่อมคุณภาพลงบ้างจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 1.19% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 จาก 0.65% ณ สิ้นปี 2562 ทั้งนี้ มาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อที่รอบคอบและการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่ดีน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีของธนาคารอย่างต่อเนื่องต่อไป นอกจากนี้ Oversea Credit Guarantee Fund (OCGF) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การค้ำประกันในไต้หวันยังให้การค้ำประกันสินเชื่อส่วนหนึ่งที่ธนาคารปล่อยให้แก่นักธุรกิจชาวไต้หวันที่ดำเนินกิจการในประเทศไทยอีกด้วย
ได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากกลุ่ม
ทริสเรทติ้งคาดว่าธนาคารจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มในรูปของวงเงินสินเชื่อต่อไป ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ธนาคารได้รับวงเงินสินเชื่อจากกลุ่มประมาณ 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทริสเรทติ้งประเมินว่ากลุ่มมีความเต็มใจและมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งพอที่จะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารในกรณีที่จำเป็น นอกจากนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ธนาคารยังมีวงเงินสินเชื่อราว ๆ 1.24 หมื่นล้านบาทจากสถาบันการเงินภายในประเทศอีกหลายแห่งด้วย
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
ธนาคารจะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mega ICBC-Taiwan ต่อไป
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าธนาคารจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mega ICBC-Taiwan และจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่ต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตของธนาคารอยู่ในระดับสูงที่สุดคือ ?AAA? โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ทั้งนี้ อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารอาจได้รับการปรับลดลงหากอันดับเครดิตของ Mega ICBC-Taiwan ลดลง ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดกับโครงสร้างและนโยบายของกลุ่มที่ทำให้ธนาคารไม่อยู่ในสถานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มก็อาจส่งผลในทางลบต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารได้ด้วยเช่นกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- Banks Rating Methodology, 3 มีนาคม 2563
ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (Mega ICBC)
อันดับเครดิตองค์กร: AAA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable