ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “สหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลตำรวจ” ที่ “BBB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 13, 2021 11:20 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ สหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลตำรวจ จำกัด (สอ.รพ.) ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจของ สอ.รพ. ตลอดจนสินเชื่อที่มีคุณภาพสูงต่อเนื่อง และความได้เปรียบทางการแข่งขันจากสิทธิพิเศษด้านกฎระเบียบที่สหกรณ์ได้รับการยกเว้นภาษีและมีบุริมสิทธิ์เป็นลำดับแรกก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สหกรณ์ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากเกณฑ์การกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์โดยทั่วไปที่ยังไม่ค่อยเข้มงวด รวมทั้งการที่ สอ.รพ. มีนโยบายเชิงรุกในการระดมเงินทุนที่ต้องพึ่งพิงเงินฝากจากสมาชิกสมทบ ตลอดจนการมีโครงสร้างเงินทุนที่ค่อนข้างอ่อนแอ และความเสี่ยงที่ต้องพึ่งพิงบุคคลสำคัญในคณะผู้บริหาร

ทั้งนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าว ทริสเรทติ้งยังคำนึงถึงความพร้อมของ สอ.รพ. ที่จะปรับตัวและปฏิบัติให้เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบใหม่ที่ใช้ควบคุมการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สอ.รพ. มีความพร้อมในการปรับตัวและปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่

ทริสเรทติ้งมองว่า สอ.รพ. มีการเตรียมความพร้อมที่จะปรับตัวและปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ได้เป็นอย่างดีโดยไม่มีประเด็นกังวลร้ายแรงเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับการดำเนินงานของ สอ.รพ. ทั้งนี้ ในเบื้องต้นแล้วกฎระเบียบใหม่ดังกล่าวได้รับการปรับปรุงแก้ไขเพื่อใช้ในการกำกับดูแลสหกรณ์ให้เข้มงวดยิ่งขึ้นทั้งในส่วนของกิจกรรมที่เกี่ยวกับการรับฝากเงิน การให้กู้ยืม และการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์ ในการนี้ ทริสเรทติ้งเห็นว่ากฎระเบียบใหม่นี้เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในระยะยาวของสหกรณ์ออมทรัพย์ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบการเงินของไทย

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบอาจจะเป็นอุปสรรคต่อโอกาสในการ เติบโตของ สอ.รพ. และจะทำให้ผลการดำเนินงานทางการเงินของ สอ.รพ. อ่อนแอลงในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างเงินทุน การก่อหนี้ และเกณฑ์ในการให้กู้ยืมที่เข้มงวดยิ่งขึ้นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของ สอ.รพ. อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมิได้คาดหวังว่าผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของ สอ.รพ. จะส่งผลกระทบต่อสถานะเครดิตโดยรวมของ สอ.รพ. อย่างมีนัยสำคัญ ในทางกลับกัน กฎระเบียบใหม่ดังกล่าวน่าจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบริหารความเสี่ยงและโครงสร้างเงินทุนซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพในระยะยาวให้แก่ สอ.รพ.

สหกรณ์ออมทรัพย์ยังคงได้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษ

สิทธิพิเศษในรูปแบบต่าง ๆ ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ได้รับอันได้แก่ การยกเว้นภาษีหลัก ๆ และการมีบุริมสิทธิ์เป็นลำดับแรกก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ นั้นยังคงมีอยู่ต่อไปภายใต้กฎระเบียบใหม่ กล่าวคือ สหกรณ์ออมทรัพย์และสมาชิกได้รับการยกเว้นภาษีหลัก ๆ เช่น ภาษีดอกเบี้ยออมทรัพย์ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีจากเงินลงทุน นอกจากนี้ พ.ร.บ. สหกรณ์ยังกำหนดให้สหกรณ์ออมทรัพย์ขั้นปฐมภูมิมีบุริมสิทธิ์เป็นลำดับแรกก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ในการได้รับดอกเบี้ยและได้รับชำระคืนเงินกู้จากลูกหนี้อีกด้วย สิทธิพิเศษด้านบุริมสิทธิ์ดังกล่าวช่วยให้สหกรณ์ออมทรัพย์มีข้อได้เปรียบในการให้กู้แก่สมาชิกเหนือกว่าสถาบันการเงินอื่น ๆ ในขณะที่เงินกู้ส่วนใหญ่ที่ให้แก่สมาชิกสามัญของสหกรณ์ออมทรัพย์ขั้นปฐมภูมินั้นดำเนินการภายใต้ข้อตกลงกับนายจ้างหรือหน่วยงานต้นสังกัดว่าการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นของเงินกู้ตามงวดนั้นสามารถใช้วิธีหักจากเงินเดือนของสมาชิกได้ กรณีดังกล่าวจึงส่งผลให้สหกรณ์ออมทรัพย์ขั้นปฐมภูมิส่วนใหญ่มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและมีความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายหนี้เสียของเงินที่ให้กู้แก่สมาชิกของสหกรณ์ที่ต่ำกว่าด้วย

การกำกับดูแลที่ยังไม่เข้มงวดมาก

การกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์มีความเข้มงวดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินซึ่งมีการกำกับดูแลที่ใกล้ชิดและเข้มงวดมากกว่า ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นจุดอ่อนสำคัญที่สร้างข้อจำกัดให้แก่สถานะอันดับเครดิตของสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศไทย ถึงแม้ว่ากรอบกฎระเบียบใหม่จะช่วยในการควบคุมกิจการของสหกรณ์ได้เข้มงวดยิ่งขึ้น แต่การบังคับใช้กฎระเบียบทั้งหลายให้มีประสิทธิภาพได้นั้นจะต้องมีการติดตามตรวจสอบอย่างเข้มงวดและอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์ปฏิบัติตามอย่างแท้จริง ซึ่งดูเหมือนว่าสิ่งดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้นใน

เร็ว ๆ นี้

มีการพึ่งพิงเงินฝากจากสมาชิกสมทบ

เงินทุนของ สอ.รพ. มาจากเงินฝากของสมาชิกเป็นหลัก โดยสมาชิกของ สอ.รพ. จำแนกออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ สมาชิกสามัญและสมาชิกสมทบ ซึ่งตามเงื่อนไขของสหกรณ์ออมทรัพย์ทั่วไปนั้น สมาชิกสามัญจะต้องเป็นพนักงานของหน่วยงานต้นสังกัด ดังนั้น ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ประจำของโรงพยาบาลตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเป็นกลุ่มบุคคลที่มีคุณสมบัติเป็นสมาชิกสามัญของ สอ.รพ. ได้เท่านั้น ส่วนสมาชิกสมทบของ สอ.รพ. นั้นคือสมาชิกที่ไม่ได้เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ประจำของโรงพยาบาลตำรวจแต่มีความเกี่ยวข้องกับสมาชิกสามัญของ สอ.รพ. หรือมีความเกี่ยวข้องในทางใดทางหนึ่งกับ สอ.รพ. ดังนั้น ความพยายามในการขยายฐานเงินฝากในช่วงที่ผ่านมาจึงทำให้ สอ.รพ. มีเกณฑ์การรับสมาชิกสมทบที่ค่อนข้างผ่อนปรน

เมื่อพิจารณาจากเงินฝากจากสมาชิกทั้งหมดของ สอ.รพ. ณ เดือนมีนาคม 2564 แล้วจะเห็นว่าสัดส่วนประมาณ 85% เป็นเงินฝากจากสมาชิกสมทบและอีก 15% มาจากสมาชิกสามัญ การมีอัตราดอกเบี้ยที่ดึงดูดใจและการได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยรับช่วยให้ สอ.รพ. สามารถระดมเงินทุนจำนวนมากจากเงินฝากออมทรัพย์ของสมาชิกสมทบ อย่างไรก็ตาม การพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากสมาชิกสมทบมากเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของฐานเงินทุนในระยะยาวของ สอ.รพ. ได้ ทั้งนี้ สมาชิกสมทบส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะคงเงินฝากเอาไว้เพียงเพราะ สอ.รพ. ยังสามารถจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่น่าสนใจเท่านั้น ซึ่งต่างจากสมาชิกสามัญที่ยังมีผลประโยชน์อื่น ๆ จากการเป็นสมาชิกของ สอ.รพ. อย่างไรก็ตาม สอ.รพ. ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อที่จะรับเงินฝากจากสหกรณ์อื่นเพื่อทดแทนเงินฝากจากสมาชิกสบทบที่มีแนวโน้มที่อาจลดลง โดย ณ เดือนมีนาคม 2564 สัดส่วนเงินฝากจากสหกรณ์อื่นเพิ่มขึ้นเป็น 11% ของเงินรับฝากทั้งหมดของ สอ.รพ. จากเดิมที่ระดับ 3%-6% ของเงินรับฝากทั้งหมดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าเงินรับฝากจากสหกรณ์อื่นก็มีความไม่แน่นอนเช่นเดียวกับเงินฝากจากสมาชิกสมทบ นอกจากนี้ เงินรับฝากจากสหกรณ์อื่นยังอาจนำไปสู่ความเสี่ยงของการกระจุกตัวของเงินรับฝากอีกด้วย

เพื่อที่จะลดทอนความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเงินฝากทั้งที่มาจากสมาชิกสมทบและจากสหกรณ์อื่น สอ.รพ. จึงได้ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องจำนวนมากและคงวงเงินกู้ยืมที่มีกับสถาบันการเงินอื่น ๆ เอาไว้โดยยังไม่เบิกใช้ ทริสเรทติ้งเห็นว่าระดับความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของ สอ.รพ. อยู่ในระดับที่จัดการได้ตราบเท่าที่ สอ.รพ. ยังคงมีสิทธิพิเศษทางภาษีที่สามารถเสนออัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ดึงดูดใจและยังคงนโยบายการลงทุนที่ระมัดระวังเพื่อที่จะดำรงสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องให้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเอาไว้ได้ ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดหวังว่า สอ.รพ. จะทยอยลดการพึ่งพิงเงินรับฝากจากสมาชิกสมทบลงซึ่งเป็นผลสืบเนื่องของการบังคับใช้กฎระเบียบใหม่ซึ่งมีกฎเกณฑ์ในการรับสมาชิกสมทบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

มีสภาพคล่องที่เพียงพอ

ในมุมมองของทริสเรทติ้งคาดว่าสภาพคล่องของ สอ.รพ. ในระยะ 12 เดือนข้างหน้าจะยังคงมีเพียงพอที่จะรองรับการขาดทุนที่เหนือความคาดหมายจากความเสี่ยงด้านการดำเนินงานในปัจจุบันจากการที่ สอ.รพ. มีวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินหลายแห่ง นอกจากนี้ ณ เดือนมีนาคม 2564 สอ.รพ. ยังมีสินทรัพย์สภาพคล่อง (เงินสดและเงินลงทุนในหลักทรัพย์) คิดเป็นสัดส่วน 51% ของสินทรัพย์รวม โดย สอ.รพ. มีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องที่ระดับประมาณ 7.4% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์สินทรัพย์สภาพคล่องของกฎระเบียบใหม่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 3% อีกด้วย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 สอ.รพ. มีความเสี่ยงจากการมีเงินลงทุนในหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่จำนวน 695 ล้านบาทซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 4% ของสินทรัพย์รวมและ 30% ของทุนทั้งหมดของ สอ.รพ. ปัจจุบันบริษัทการบินไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวทริสเรทติ้งยังคำนึงถึงผลกระทบจากความเป็นไปได้ที่ สอ.รพ. จะมีผลขาดทุนจากเงินลงทุนในหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทการบินไทยด้วย ในการนี้ สอ.รพ. ได้ทำการสะสมทุนสำรองเพื่อความมั่นคงในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะรองรับผลขาดทุนจากการลงทุน การจัดสรรทุนเพื่อความมั่นคงดังกล่าวคิดเป็น 12% ของกำไรสุทธิของ สอ.รพ. ในปีบัญชี 2563 (สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2563) จากระดับ 0.4%-0.6% ของกำไรสุทธิในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

โครงสร้างเงินทุนอ่อนแอ

โครงสร้างเงินทุนของ สอ.รพ. อยู่ในระดับที่อ่อนแอจากการมีนโยบายระดมทุนในเชิงรุก แม้ว่าส่วนทุนของ สอ.รพ. จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้อัตราส่วนทุนต่อสินทรัพย์รวมของ สอ.รพ. เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 14.3% ณ สิ้นปีบัญชี 2563 (สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2563) จากระดับ 7.7% ณ สิ้นปีบัญชี 2560 แต่อัตราส่วนดังกล่าวยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่สหกรณ์ออมทรัพย์รายใหญ่อื่น ๆ ที่ก่อตั้งมานานมีอัตราส่วนเงินทุนต่อสินทรัพย์รวมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับประมาณ 40%

เงินให้กู้ยืมมีคุณภาพสูง

สอ.รพ. ไม่มีเงินให้กู้ยืมที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (ค้างชำระมากกว่า 90 วัน) มาตั้งแต่รอบปีบัญชี 2550 (สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2550) โดยเงินให้กู้รวมของ สอ.รพ. คิดเป็นสัดส่วน 49% ของสินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ทั้งนี้ สัดส่วนประมาณ 93% ของเงินให้กู้ยืมทั้งหมดนั้นเป็นเงินที่ให้กู้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์อื่น ในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นเงินที่ให้กู้แก่สมาชิกสามัญของ สอ.รพ. เอง ซึ่งเงินให้กู้ยืมดังกล่าวได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินลงทุนของ สอ.รพ. เอง อย่างไรก็ตาม ความต้องการเงินกู้ยืมจากสมาชิกของ สอ.รพ. ยังอยู่ในระดับต่ำ

สอ.รพ. สามารถลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของเงินให้กู้ยืมได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์ออมทรัพย์รายใหญ่ 10 อันดับแรกคิดเป็นสัดส่วน 26% ของเงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์ออมทรัพย์อื่นโดยรวม ณ เดือนมีนาคม 2564 ซึ่งลดลงจากระดับเฉลี่ยที่ 30% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทริสเรทติ้งคาดหวังว่า สอ.รพ. จะลดความเสี่ยงของการกระจุกตัวของเงินให้กู้ยืมแก่สหกรณ์ออมทรัพย์อื่นได้มากกว่านี้อันเนื่องมาจากข้อบังคับของกฎระเบียบใหม่ที่จำกัดเงินให้กู้ยืมแก่ลูกหนี้รายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังให้ สอ.รพ. ยังคงรักษานโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดต่อไปด้วย

พัฒนามาตรฐานในการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงบุคคลสำคัญ

สอ.รพ. สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิกที่ถือหุ้นในระดับสูงสุดเท่าที่กฎหมายอนุญาตคือ 10% ของทุนเรือนหุ้นที่ชำระแล้วตั้งแต่รอบปีบัญชี 2552 เป็นต้นมา สถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของ สอ.รพ. ค่อนข้างขึ้นอยู่กับสมาชิกสำคัญรายหนึ่งในคณะผู้บริหาร ซึ่งทริสเรทติ้งเห็นว่าการดำเนินงานของ สอ.รพ. มีการพึ่งพิงบุคคลเพียงรายเดียวมากเกินไป ดังนั้น สอ.รพ. จึงมีความพยายามที่จะลดความเสี่ยงจากการต้องพึ่งพิงบุคคลใดบุคคลหนึ่งมากเกินไปด้วยการพัฒนารวมทั้งปรับปรุงนโยบายและกระบวนการดำเนินงานให้เป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังนำเครื่องมือต่าง ๆ มาใช้ในการสนับสนุนกิจกรรมของธุรกิจหลักทั้งหมดของ สอ.รพ. อีกด้วย

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของ สอ.รพ. ในระหว่างปีบัญชี 2564-2566 ดังนี้

? ทุนจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 20% ต่อปี

? เงินให้กู้ยืมจะเติบโตที่ระดับ 50% ในปีบัญชี 2564 และจะชะลอตัวลงในอัตราเฉลี่ย 5% ต่อปีในระหว่างปีบัญชี 2565-2566

? ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.60%

? เงินฝากจากสมาชิกสมทบจะค่อย ๆ ลดลง

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า สอ.รพ. จะยังคงสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจให้แก่สมาชิกต่อไปได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่า สอ.รพ. จะสามารถปรับตัวและปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

แนวโน้มในการเพิ่มอันดับเครดิตของ สอ.รพ. มีข้อจำกัดจากกรอบการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์โดยทั่วไปที่ยังขาดการกำกับดูแลที่ใกล้ชิดและการติดตามตรวจสอบที่เข้มงวดจากหน่วยงานรับผิดชอบ ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากมีข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าฐานเงินฝากของ สอ.รพ. มีความอ่อนไหวเพิ่มขึ้นจากการขาดความเชื่อมั่นของสมาชิกสมทบ หรือนโยบายด้านการดำเนินงานและการเงินที่เป็นเชิงรุกมากยิ่งขึ้นจนส่งผลทำให้คุณภาพสินทรัพย์เสื่อมถอยลง หรือ สพ.รพ. มีการขาดทุนจำนวนมากจากเงินลงทุน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบใด ๆ ที่จะลดทอนสิทธิพิเศษของสหกรณ์ออมทรัพย์ก็อาจมีผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ สอ.รพ. ได้ด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสหกรณ์ออมทรัพย์, 28 กันยายน 2563

สหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลตำรวจ จำกัด (PHSC)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ