ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB? หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่ ?BBB-? พร้อมทั้งปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ?Positive? หรือ ?บวก? จาก ?Stable? หรือ ?คงที่? ซึ่งสืบเนื่องมาจากการออกประกาศเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ระบุว่า บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) มีความประสงค์จะลงทุนในบริษัทและบริษัทร่วมคือ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) โดยธุรกรรมดังกล่าวหากได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นของบริษัทในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้แล้วก็จะทำให้บริษัทและบริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยได้รับเงินเพิ่มทุนก้อนใหม่ภายในปลายปี 2564 นี้ ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้ฐานทุนและความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มเจมาร์ทมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในระยะปานกลาง
ทริสเรทติ้งคาดว่าจะปรับอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทเพิ่มขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว
ทั้งนี้ ธุรกรรมดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนดังต่อไปนี้
1. บริษัทเจมาร์ทจะได้รับเงินเพิ่มทุนทั้งสิ้นจำนวน 1.039 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วย
? เงินจำนวน 6.26 พันล้านบาทที่จะได้รับจากบริษัทวีจีไอซึ่งจะถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน 15%
? เงินจำนวน 4.13 พันล้านบาทที่จะได้รับจากบริษัท ยู ซิตี้ ซึ่งจะถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 9.9%
2. บริษัทซิงเกอร์ฯ จะได้รับเงินเพิ่มทุนจำนวนทั้งสิ้น 1.065 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วย
? เงินจำนวน 7.16 พันล้านบาทที่จะได้รับจากบริษัท ยู ซิตี้ ซึ่งจะถือหุ้นในบริษัทซิงเกอร์ฯ ในสัดส่วน 24.9%
? เงินจำนวน 1.23 พันล้านบาทที่จะได้รับจากบริษัทเจมาร์ทผ่านการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายตามสัดส่วน (Right Offering) ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในบริษัทซิงเกอร์ฯ ลดลงเหลือ 26.5% จากเดิมที่ 35.2%
? เงินจำนวน 2.26 พันล้านบาทที่จะได้รับจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ ผ่านการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายตามสัดส่วน (ตามสมมติฐานที่ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิครบ)
3. บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) จะได้รับเงินเพิ่มทุนทั้งสิ้นจำนวน 1 หมื่นล้านบาทผ่านการจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายตามสัดส่วนซึ่งประกอบด้วย
? เงินจำนวน 5.38 พันล้านบาทที่จะได้รับจากบริษัทเจมาร์ทซึ่งจะคงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทที่ 54%
? เงินจำนวน 4.62 พันล้านบาทที่จะได้รับจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ (ตามสมมติฐานที่ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิครบ)
ทั้งนี้ การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ?Positive? หรือ ?บวก? สะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานะฐานทุนของบริษัทว่าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้เงินทุนก้อนใหม่ที่ได้รับมาไปใช้ในการดำเนินธุรกิจในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากแผนการเติบโตแนวรุกของบริษัทแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะกลับมาระดมทุนด้วยการกู้ยืมอีกภายในปี 2566 ทั้งนี้ ในระยะสั้นถึงปานกลางทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มจะปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยต่อไปนี้ 1) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่จะลดลงจากความต้องการในการกู้ยืมที่ลดลง 2) การลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารที่เพิ่มเติมของบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส และ 3) การขยายสินเชื่อของบริษัทซิงเกอร์ฯ ทั้งนี้ ในระยะยาวบริษัทอาจจะได้รับผลประโยชน์จากการมีความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มเจมาร์ทกับกลุ่มบีทีเอส แม้ผลประโยชน์ดังกล่าวยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไปก็ตาม
อันดับเครดิตองค์กรยังคงสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจซื้อและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารและการดำเนินงานที่เข้มแข็งของบริษัทลูกหลักรายสำคัญคือบริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส รวมถึงสถานะที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตลอดจนภาระหนี้ที่สูงของบริษัท และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและธุรกิจให้เช่าพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ของบริษัทอีกด้วย
อันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรซึ่งสะท้อนถึงความด้อยกว่าในเชิงโครงสร้างหรือการมีสิทธิเรียกร้องในการได้รับการชำระคืนหนี้ที่ต่ำกว่าของหุ้นกู้เมื่อเปรียบเมื่อเทียบกับสิทธิเรียกร้องของบริษัทย่อยต่าง ๆ ของบริษัท
บริษัทมีผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่ยังคงแข็งแกร่งและเป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งคาดไว้ โดยในช่วงดังกล่าวบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 807 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 75% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งดังกล่าวได้รับอานิสงส์มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทเจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส ที่เข้มแข็งเป็นหลัก โดยบริษัทลูกดังกล่าวมีกำไรสุทธิอยู่ที่จำนวน 567 ล้านบาท นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากของบริษัทร่วมคือบริษัทซิงเกอร์ฯ นั้นยังช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ส่วนแบ่งกำไรที่บริษัทได้รับจากบริษัทซิงเกอร์ฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 106.6 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จาก 61.8 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2563
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Positive? หรือ ?บวก? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าเงินเพิ่มทุนที่จะได้รับนั้นจะทำให้สถานะเงินทุนและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
ทริสเรทติ้งคาดว่าจะทำการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทเมื่อธุรกรรมการเพิ่มทุนในครั้งนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วมิเช่นนั้นอันดับเครดิตจะคงอยู่ที่ระดับเดิมและแนวโน้มอันดับเครดิตจะกลับมาเป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? ตามเดิม ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดจากผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญทั้งในส่วนของบริษัทเองหรือของบริษัทลูก หรือจากการลงทุนในเชิงรุกซึ่งส่งผลให้บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จนทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่สูงเกินกว่า 5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
JMART239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาทไถ่ถอนปี 2566 BBB-
JMART249A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาทไถ่ถอนปี 2567 BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive