ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB? พร้อมทั้งเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น ?Positive? หรือ ?บวก? จาก ?Stable? หรือ ?คงที่? ซึ่งเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตของ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ?BBB/Positive? จากทริสเรทติ้ง) ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นบริษัทลูกหลัก (Core Subsidiary) ของบริษัทเจมาร์ท ซึ่งส่งผลให้อันดับเครดิตของบริษัทอยู่ในระดับเท่ากับอันดับเครดิตของบริษัทเจมาร์ทตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ? ของทริสเรทติ้ง
การปรับเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการทบทวนอันดับเครดิตของบริษัทเจมาร์ทหลังจากที่มีการออกประกาศเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ระบุว่า บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) มีความประสงค์จะลงทุนในบริษัทเจมาร์ทและบริษัทร่วมคือ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) โดยธุรกรรมดังกล่าวหากได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นของบริษัทเจมาร์ทในเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้แล้วจะทำให้ทั้งบริษัท
เจมาร์ทและบริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยได้รับเงินเพิ่มทุนก้อนใหม่ภายในสิ้นปี 2564 นี้ ในการนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินทุนก้อนใหม่จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินทุนจำนวน 5.4 พันล้านบาทจะมาจากบริษัทเจมาร์ทและอีกจำนวน 4.6 พันล้านบาทจะมาจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ (ตามสมมติฐานที่ผู้ถือหุ้นจะใช้สิทธิ์ครบทั้งหมด) โดยเงินทุนก้อนใหม่ที่ได้จะทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทริสเรทติ้งคาดว่าจะปรับอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทเพิ่มขึ้นตามการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทเจมาร์ท
บริษัทมีบทบาทที่สำคัญในธุรกิจด้านการเงินของกลุ่ม โดยธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจหลักที่สำคัญในการดำเนินกิจการของกลุ่มที่มีนโยบายกระจายธุรกิจ บริษัทเป็นผู้สร้างกำไรสุทธิให้แก่กลุ่มมากที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มเจมาร์ทรายอื่น ๆ ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 รายได้รวมและกำไรสุทธิของบริษัทมีสัดส่วนคิดเป็น 28% และ 70% ของรายได้รวมและกำไรสุทธิรวมของบริษัทเจมาร์ทตามลำดับ
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้อยู่ที่จำนวน 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสัดส่วนรายได้จำแนกออกเป็นรายได้จากธุรกิจรับซื้อและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ 84% ธุรกิจติดตามเร่งรัดหนี้ 10% และธุรกิจประกันอีก 6% ซึ่งธุรกิจที่ขับเคลื่อนการเติบโตส่วนใหญ่คือธุรกิจรับซื้อและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทสามารถจัดเก็บหนี้ได้ที่จำนวนประมาณ 2 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นถึง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และในช่วงเดียวกัน บริษัทยังได้ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารโดยใช้เงินลงทุนจำนวน 3.3 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับจำนวน 3.5 พันล้านบาทที่ใช้ลงทุนไปในปี 2563 ทั้งนี้ บริษัทวางแผนจะนำเงินทุนก้อนใหม่ที่ได้มาจากการเพิ่มทุนไปใช้ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารเพิ่มเติมที่จำนวนประมาณ 7.3 พันล้านบาทและจะใช้ในการจ่ายชำระหนี้เงินกู้ที่จำนวนประมาณ 2.7 พันล้านบาทภายในช่วงปี 2565-2566
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทมีมูลหนี้คงค้างสำหรับหนี้ด้อยคุณภาพอยู่ที่จำนวน 2.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2.1 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 ซึ่งเป็นส่วนที่ตัดจำหน่ายต้นทุนครบแล้วที่จำนวน 5 หมื่นล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นถึง 6.3 พันล้านบาทจากสิ้นปี 2563 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทอยู่ที่ระดับ 50.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นจากระดับ 44.7% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Positive? หรือ ?บวก? เป็นไปตามแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเจมาร์ท
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทจะเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเจมาร์ท และในกรณีที่สถานภาพภายในกลุ่มของบริษัทที่มีต่อบริษัทเจมาร์ทลดความสำคัญลงไปอย่างมีนัยสำคัญก็อาจส่งผลต่อการปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทได้เช่นกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 2 ปี BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive