ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (หรือเรียกว่า ?ทรัสต์ฯ?) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสินทรัพย์คุณภาพสูงของทรัสต์ฯ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีในเขตกรุงเทพมหานคร ตลอดจนกระแสเงินสดที่สามารถคาดการณ์ได้จากรายได้ค่าเช่าและบริการตามสัญญา และระดับหนี้สินที่ค่อนข้างต่ำ อีกทั้งโอกาสในการเติบโตในอนาคตของทรัสต์ฯ ซึ่งมีปัจจัยส่งเสริมจากสินทรัพย์ของผู้สนับสนุน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงบางส่วนจากการกระจุกตัวของพอร์ตการลงทุนของทรัสต์ฯ ทั้งในแง่ของสินทรัพย์ ผู้เช่า และสัญญาเช่าที่จะหมดอายุลง อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นต่ออัตราการให้เช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าของทรัสต์ฯ จากอุปสงค์สำนักงานที่อ่อนตัวและอุปทานสำนักงานจำนวนมากที่จะเพิ่มเข้ามาในย่านศูนย์กลางทางธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
สินทรัพย์คุณภาพสูงในทำเลที่ดี
แม้ว่าสถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยืดเยื้อ แต่ทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่น่าพอใจเอาไว้ได้ในระยะปานกลางจากปัจจัยสนับสนุนคือการมีสินทรัพย์คุณภาพสูงที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญ ๆ สินทรัพย์ของทรัสต์ฯ ประกอบด้วยอาคารสำนักงานให้เช่า 2 แห่ง คือ ?ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์? และ ?สาทร สแควร์? ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่ารวม 100,317 ตารางเมตร (ตร.ม.) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อาคารสำนักงานให้เช่าทั้ง 2 แห่งจัดอยู่ในประเภทอาคารสำนักงานเกรดเอซึ่งตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางทางธุรกิจและมีทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า BTS
สินทรัพย์คุณภาพสูงและอยู่ในทำเลที่ดีทำให้อัตราการให้เช่าที่ผ่านมาในอดีตอยู่ในระดับที่สูงและมีอัตราค่าเช่าที่น่าพอใจ ทรัสต์ฯ มีอัตราการให้เช่าที่สูงเกินกว่า 94% สำหรับอาคารสำนักงานทั้ง 2 แห่งดังกล่าวนับตั้งแต่ปีบัญชี 2559 แม้ว่าอุปสงค์สำนักงานได้ชะงักในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยืดเยื้อ ทรัสต์ฯ สามารถรักษาอัตราการให้เช่าในระดับที่สูงไว้ได้ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อัตราการเช่าของอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์อยู่ที่ระดับ 97% และของอาคารสาทร สแควร์ อยู่ที่ระดับ 94% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมของอาคารสำนักงานเกรดเอในย่านศูนย์กลางทางธุรกิจของกรุงเทพฯ อยู่ที่ระดับ 88% ส่วนอัตราค่าเช่าเฉลี่ยในปีบัญชี 2563 จนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 ยังคงน่าพอใจที่ 1,072-1,091 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือนสำหรับอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ และ 856-872 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือนสำหรับอาคารสาทร สแควร์ ซึ่งอยู่ในช่วงอัตราค่าเช่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมสำหรับอาคารสำนักงานเกรดเอ
การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 มีผลกระทบเพียงเล็กน้อย แต่มีความกดดันเพิ่มขึ้นต่ออัตราการให้เช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่า
การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ไม่มีผลกระทบอย่างเป็นนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของทรัสต์ฯ อันเนื่องมาจากรูปแบบของสัญญาเช่าอาคารสำนักงาน รายได้ของทรัสต์ฯ อยู่ที่ระดับ 1.18 พันล้านบาทในปีบัญชี 2563 ลดลง 2% จากปีก่อน และอยู่ที่ระดับ 868 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสาเหตุหลักเนื่องมาจากมาตรการช่วยเหลือแก่ผู้เช่าตามความเหมาะสมเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ผ่านมา รวมถึงการลดลงของอัตราการเช่าพื้นที่
?
แม้ว่าท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังคงดำเนินอยู่นั้นมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของทรัสต์ฯ ไม่มากนัก แต่ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราการให้เช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าของธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าจะยังคงอยู่ภายใต้ความกดดันในช่วง 3 ปีข้างหน้า การทำงานจากที่ไหนก็ได้และการประชุมแบบ Virtual Meeting รวมถึงอุปทานสำนักงานจำนวนมากที่จะเพิ่มเข้ามาในตลาดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าก่อให้เกิดแนวโน้มอุปสงค์สำนักงานที่ลดลง จากข้อมูลของ CBRE จะมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดประมาณ 500,000 ตร.ม. ต่อปีในปี 2565 และ 300,000 ตร.ม. ต่อปีในปี 2566 อุปสงค์ที่คาดว่าจะชะลอตัวลงและอุปทานที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในย่านศูนย์กลางทางธุรกิจอาจจะทำให้อัตราการให้เช่าพื้นที่และอัตราค่าเช่าลดลลงได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราค่าเช่าของทรัสต์ฯ จะคงที่ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่อัตราการให้เช่าคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยแต่ควรอยู่ที่ระดับเกินกว่า 90% ในทั้ง 2 อาคาร ในช่วงปีประมาณการ รายได้ของทรัสต์ฯ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.1 พันล้านบาทต่อปีในปีบัญชี 2564-2565 และเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาทในปีบัญชี 2566 ตามการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ และคาดว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายให้อยู่ในระดับ 68%-75% ในปีบัญชี 2564-2566
โอกาสในการเติบโตในอนาคต
ทริสเรทติ้งมองว่าทรัสต์ฯ มีศักยภาพในการขยายขนาดของพอร์ตการลงทุนจากการสนับสนุนของผู้สนับสนุน บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (GOLD) ถือหน่วยลงทุนของทรัสต์ฯ 23% อีกทั้ง ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของทรัสต์ฯ เป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย GOLD ทั้งนี้ GOLD มีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) ซึ่งผู้ถือหุ้นสูงสุดเป็นบริษัทในเครือของ TCC Group โดยหนึ่งในธุรกิจของกลุ่มคือธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและเพื่อขายเป็นหนึ่งในธุรกิจของกลุ่มบริษัทดังกล่าว ดังนั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์จากผู้สนับสนุนในปีที่จะมาถึง เดิมทรัสต์ฯ มีแผนจะลงทุนในอาคาร ?เอฟ วาย ไอ เซ็นเตอร์? ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานของ GOLD ในปีบัญชี 2565 อย่างไรก็ตาม จากสภาวะตลาดทุนที่ไม่อำนวยซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลให้การลงทุนอาคารดังกล่าวเลื่อนออกไปเป็นปีบัญชี 2566 โดย ณ เดือนมิถุนายน 2564 อัตราการให้เช่าของอาคารดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 96% และมีอัตราค่าเช่าที่ 805 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือน
ในอนาคต ทรัสต์ฯ ตั้งใจจะลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติมจากทั้งผู้สนับสนุนและจากบุคคลภายนอกเพื่อที่จะขยายขนาดและเพิ่มการกระจายตัวของพอร์ตการลงทุน นอกจากอาคารสำนักงานให้เช่า ทรัสต์ฯ กำลังพิจารณาเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ประจำประเภทอื่น ซึ่งประกอบด้วยสินทรัพย์ประเภทพื้นทีค้าปลีกและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ทริสเรทติ้งมองว่าขนาดของสินทรัพย์ที่เติบโตขึ้นและการกระจายตัวของพอร์ตการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวและเพิ่มรายได้ค่าเช่าและบริการให้มากยิ่งได้ขึ้นในอนาคต
ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของพอร์ตการลงทุน
ทริสเรทติ้งมองว่าพอร์ตการลงทุนของทรัสต์ฯ มีการกระจุกตัวค่อนข้างสูงทั้งในแง่ของจำนวนอาคาร ในแง่ของผู้เช่า และในแง่สัญญาเช่าที่จะหมดอายุลง ปัจจุบัน ผลการดำเนินงานของทรัสต์ฯ ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่เป็นอาคารเพียง 2 แห่งใน 2 ทำเล คือ ถนนวิทยุและถนนสาทร ประมาณ 2 ใน 3 ของรายได้ค่าเช่าและบริการมาจากอาคารสาทร สแควร์ และส่วนที่เหลือมาจากอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ นอกจากนี้ ผู้เช่ารายใหญ่ที่สุด 10 รายแรกมีสัญญาเช่าพื้นที่คิดเป็น 40% ของพื้นที่ให้เช่ารวมและคิดเป็น 34% ของรายได้ค่าเช่าและบริการรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 ส่วนผู้เช่าในเครือ TCC Group คิดเป็น 8% ของพื้นที่ให้เช่ารวมและคิดเป็น 7% ของรายได้ค่าเช่าและบริการรวม อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของผู้เช่าลดทอนลงไปบางส่วนจากการที่ผู้เช่าเหล่านี้มีสถานะเครดิตที่อยู่ในระดับแข็งแกร่ง
ทรัสต์ฯ มีความเสี่ยงจากการที่ผู้เช่าจะไม่ต่ออายุสัญญาเช่าอยู่ด้วยเช่นกัน โดยผู้เช่าส่วนใหญ่ทำสัญญาเช่าเป็นระยะเวลาคราวละ 3 ปีและผู้เช่าพื้นที่ค้าปลีกบางรายทำสัญญาเช่าปีต่อปี ณ เดือนมิถุนายน 2564 พื้นที่เช่าประมาณ 14% จะหมดสัญญาในไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2564 อีก 22% จะหมดสัญญาในปีบัญชี 2565 ในขณะที่ 34% จะหมดสัญญาในปีบัญชี 2566 และอีก 30% จะหมดสัญญาในปีบัญชี 2567 พื้นที่เช่าที่จะหมดสัญญาค่อนข้างกระจุกตัวในปีบัญชี 2566 และ 2567 เนื่องจากสัญญาเช่าของผู้เช่ารายใหญ่ 10 รายของทั้ง 2 อาคารจะหมดอายุลงพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม โดยปกติผู้จัดการทรัสต์ฯ จะมีการเจรจาเรื่องการต่ออายุสัญญาเช่ากับผู้เช่าล่วงหน้าเป็นเวลาประมาณ 6 ถึง 12 เดือนก่อนที่สัญญาเช่าฉบับเดิมจะหมดอายุลงเสมอ ซึ่งทำให้ทรัสต์ฯ มีเวลาเพียงพอในการหาผู้เช่ารายใหม่มาทดแทนผู้เช่ารายเดิมที่จะไม่ต่อสัญญา
นโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง
ทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะคงนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังซึ่งมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ให้ต่ำกว่า 20% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากนโยบายทางการเงินนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะใช้แหล่งเงินเพื่อการลงทุนในอนาคตด้วยการเพิ่มทุนและการกู้ยืมผสมกัน ภายใต้สมมติฐานพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่าทรัสต์ฯ จะลงทุนในสินทรัพย์ใหม่โดยมีขนาดการลงทุนประมาณ 6 พันล้านบาทด้วยการก่อหนี้ 25% ในปีบัญชี 2566 ดังนั้น คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของทรัสต์ฯ น่าจะยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 16%-18% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 2-3 เท่า ในปีบัญชี 2564-2566 ณ เดือนมิถุนายน 2564 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 18% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 2.2 เท่า
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 หนี้สินของทรัสต์ฯ คือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันทั้งหมด เนื่องจากสัดส่วนของหนี้ที่มีหลักประกันอยู่ในระดับต่ำกว่า 35% ของมูลค่าตลาดของสินทรัพย์ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้? ของทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจึงมองว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันไม่น่าจะมีความเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญเมื่อพิจารณาจากลำดับสิทธิเรียกร้องเหนือสินทรัพย์
ตามข้อกำหนดทางการเงินของหุ้นกู้ ทรัสต์ฯ จะต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ให้ต่ำกว่า 60% โดยอัตราส่วนนี้อยู่ที่ระดับ 16% ณ เดือนมิถุนายน 2564 ทริสเรทติ้งเชื่อว่าทรัสต์ฯ จะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินในช่วง 3 ปีข้างหน้าได้
สภาพคล่องที่เพียงพอ
ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของทรัสต์ฯ ยังคงมีเพียงพอและสามารถรองรับผลกระทบเชิงลบจากบรรยากาศของตลาดในอีก 2-3 ปีข้างหน้าได้จากการที่ทรัสต์ฯ มีภาระหนี้อยู่ในระดับต่ำและไม่มีภาระหนี้ที่จะต้องชำระในระยะเวลาอันใกล้นี้ ณ เดือนมิถุนายน 2564 ทรัสต์ฯ มีหุ้นกู้คงค้างจำนวน 2 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนเมษายน 2570 โดยทรัสต์ฯ มีแผนจะออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดดังกล่าว ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าทรัสต์ฯ จะสามารถรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปีบัญชี 2570 ได้จากการที่ทรัสต์ฯ มีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้สนับสนุน
ณ เดือนมิถุนายน 2564 สภาพคล่องทางการเงินของทรัสต์ฯ ประกอบไปด้วยเงินสดในมือจำนวน 57 ล้านบาท เงินลงทุนในหลักทรัพย์ตามมูลค่ายุติธรรมจำนวน 1.16 พันล้านบาท และวงเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 160 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของทรัสต์ฯ จะอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ สินทรัพย์คุณภาพสูงที่ไม่ติดภาระเป็นหลักประกันของทรัสต์ฯ ยังสามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับการขอวงเงินสินเชื่อได้หากจำเป็น มูลค่าตลาดของสินทรัพย์ที่ไม่ติดภาระเป็นหลักประกันอยู่ที่จำนวน 1.02 หมื่นล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2564
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
ทริสเรทติ้งประมาณการการดำเนินงานของทรัสต์ฯ ในช่วงปีบัญชี 2564-2566 ดังนี้
? อัตราการให้เช่าของอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์จะอยู่ในช่วงระดับ 92%-97% และของอาคารสาทร สแควร์ จะอยู่ในช่วงระดับ 90%-94% ในช่วงปีบัญชี 2564-2566 และอัตราการให้เช่าของสินทรัพย์ใหม่สูงกว่า 90% ในปีบัญชี 2566
? อัตราค่าเช่าคงที่
? สินทรัพย์ใหม่มีขนาดการลงทุนประมาณ 6 พันล้านบาทในปีบัญชี 2566
? อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ในช่วง 68%-75%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าทรัสต์ฯ จะสามารถสร้างกระแสเงินสดที่สามารถคาดการณ์ได้ในช่วงปีบัญชี 2564-2566 และแม้ว่าแนวโน้มอุปสงค์อาคารสำนักงานในระยะปานกลางและระยะยาวจะไม่แน่นอนรวมถึงอุปทานสำนักงานจำนวนมากที่จะเพิ่มเข้ามาในตลาดในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แต่ทริสเรทติ้งยังคาดว่าสินทรัพย์ของทรัสต์ฯ จะคงอัตราการเช่าที่สูงและมีอัตราค่าเช่าที่น่าพอใจตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ อีกทั้งยังคาดว่าสถานะทางการเงินของทรัสต์ฯ จะยังคงแข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 30% และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ในระดับต่ำกว่า 3.5 เท่า
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของทรัสต์ฯ อาจปรับลดลงได้หากผลการดำเนินงานต่ำกว่าประมาณการอย่างมีนัยสำคัญและ/หรือมีการกู้ยืมเพื่อขยายธุรกิจเกินกว่าที่คาดไว้จนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่า 4 เท่าเป็นระยะเวลานาน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากทรัสต์ฯ สามารถขยายพอร์ตการลงทุนและสามารถสร้างความหลากหลายของทำเลที่ตั้งและฐานผู้เช่าได้ในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งอยู่ได้
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า, 15 กรกฎาคม 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (GVREIT)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
GVREIT274A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable