ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 6 พันล้านบาท “บ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” ที่ “A+” แทนที่หุ้นกู้เดิมวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 4, 2021 14:35 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A+? และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนซึ่งไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (Hybrid Debentures) ของบริษัทที่ระดับ ?A-? พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?A+? ด้วย โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง ?Positive? หรือ ?บวก? ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564 เนื่องจากบริษัทแจ้งความประสงค์เพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้จากเดิม 5 พันล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ไปจ่ายชำระคืนหนี้เดิมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งของบริษัทในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูปชั้นนำของโลก รวมถึงการมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย ตลอดจนตราสัญลักษณ์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักทั้งในทวีปยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา ลักษณะของธุรกิจที่คู่แข่งรายใหม่เข้ามาได้ยากเนื่องจากมีโควต้าการจับปลาและการดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงผลกระทบจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และความไม่แน่นอนในเรื่องวิวัฒนาการของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) อีกด้วย

ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็น ตลอดจนผลการดำเนินงานที่ดีของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า โดยในช่วงดังกล่าว บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 16.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมาอยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 11.5% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จากระดับ 7%-10% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

โครงสร้างทางการเงินและภาระหนี้สินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นโดยสืบเนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ตลอดจนนโยบายชะลอการลงทุนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 52.3% ณ สิ้นปี 2563 และที่ระดับ 53.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 จากระดับ 55%-60% ในระหว่างปี 2560-2562 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายก็ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.2 เท่าในปี 2563 จนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จากระดับ 6-7 เท่า ณ ช่วงสิ้นปี 2560 จนถึงปี 2562

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายในหลาย ๆ ด้าน ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่หลายรายการในอนาคตจากผลของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเพิ่มมูลค่าและสินค้าที่มีนวัตกรรมที่มีอัตรากำไรที่ดี ทริสเรทติ้งคาดว่าสินค้าที่มีนวัตกรรมของบริษัทจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่กลยุทธ์การให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงานเมื่อผนวกกับภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นภายหลังโรคโควิด 19 ก็น่าจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า

ณ เดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจำนวน 6.8 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้และหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนจำนวนประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท เงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 2.7 หมื่นล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้นอีกจำนวน 7 พันล้านบาท

ข้อกำหนดทางการเงินสำหรับหุ้นกู้และเงินกู้ยืมจากธนาคารระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนต่ำกว่า 2 เท่าและอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยมากกว่า 3 เท่า ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนอยู่ที่ระดับ 1 เท่าและมีอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 9.1 เท่า ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทน่าจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวได้ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณการ

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Positive? หรือ ?บวก? สะท้อนถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นจากผลของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมและการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากโครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทยังคงปรับตัวดีขึ้นจนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทต่ำกว่าระดับ 4 เท่าอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวลงกว่าที่คาดไว้เป็นอย่างมากหรือบริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่โดยใช้เงินทุนจากการกู้ยืมจนส่งผลให้งบการเงินและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้อ่อนแอลงอย่างมีสาระสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Securities), 12 กันยายน 2561

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TU)

อันดับเครดิตองค์กร: A+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TU221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+

TU237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+

TU241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+

TU242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,050 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+

TU26NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+

TU271A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+

TU287A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+

TU29NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A+

TU19PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 6,000 ล้านบาท A-

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปี A+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ