ทริสเรทติ้งจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน “บ. ธนชาตประกันภัย” ที่ “AA-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 22, 2021 10:01 —ทริส เรตติ้ง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์และมีความสัมพันธ์ทางเครดิตแยกออกจากกลุ่มทุนธนชาต

ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่า TNI มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อกลุ่มทุนธนชาต โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทประกอบด้วย TCAP ในสัดส่วน 51% และ Scotia Netherlands Holdings B.V. (BNS) ในสัดส่วน 49% คณะกรรมการของ TNI ประกอบด้วยกรรมการซึ่งมีประสบการณ์ที่ร่วมงานกับกลุ่มทุนธนชาตและธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (TMB Thanachart Bank PLC ? TTB) พร้อมทั้งยังมีกรรมการที่มาจาก BNS จำนวน 2 คนและกรรมการอิสระอีก 3 คนที่มีความชำนาญในด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาธุรกิจซึ่งสอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของบริษัท

ทริสเรทติ้งมองว่า TNI เป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์ทางเครดิตแยกออกจากกลุ่มทุนธนชาต ด้วยเหตุนี้ ทริสเรทติ้งจึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้อยู่ในระดับต่ำที่อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ของ TNI จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาทางการเงินของกลุ่มเนื่องจากสถานะความเสี่ยงทางด้านการเงินของ TNI นั้นมีความแข็งแกร่งอีกทั้งความเชื่อมโยงในด้านการดำเนินงาน ตลอดจนธุรกิจและการเงินที่บริษัทมีกับบริษัทอื่นๆ ภายในกลุ่มก็อยู่ในระดับจำกัด ทั้งนี้ บริษัทลูกของ TCAP แต่ละรายก็มีการดำเนินธุรกิจที่ต่างกันไปโดยมีฐานลูกค้าที่เฉพาะเจาะจง และ TNI ก็ไม่ได้มีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มทุนธนชาตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีข้อห้ามด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดซึ่งไม่อนุญาตให้ TNI ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่บริษัทอื่นๆ ในระดับที่ทำให้สถานะเครดิตเฉพาะของบริษัทถดถอยลงมากเกินควรด้วย

เป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด

ความเสี่ยงของธุรกิจประกันวินาศภัยที่ทริสเรทติ้งประเมินนั้นสะท้อนถึงสถานะธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งมีกรอบการกำกับดูแลที่ครอบคลุมการดำเนินงานในด้านประกันภัยที่สำคัญ ๆ ทั้งหมดอันประกอบไปด้วย ความเพียงพอของเงินกองทุน การกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยและเงื่อนไขของการประกัน กรอบธรรมาภิบาลและการบริหารความเสี่ยง การประเมินมูลค่าของสัญญาประกัน รวมถึงขอบเขตการลงทุนที่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้ ได้มีการกำกับความเพียงพอของเงินกองทุนบนฐานความเสี่ยง (ภายใต้มาตรฐาน RBC-2) ซึ่งมีการระบุน้ำหนักของความเสี่ยงในแต่ละประเภทไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีระบบสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System ? EWS) ที่กำหนดวิธีการติดตามสถานะทางการเงินของบริษัทประกันและขั้นตอนการแทรกแซงบริษัทประกันที่มีความเปราะบาง อีกทั้งกองทุนประกันภัยยังช่วยลดทอนความเสี่ยงเชิงระบบจากกรณีที่เกิดการเคลมขนาดใหญ่และกรณีที่มีบริษัทประกันล้มละลายได้อีกด้วย

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยโดยรวมและความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจประกันวินาศภัยของไทยจะอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำในระยะอีก 2-3 ปีข้างหน้าเนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับต่ำและการแข่งขันด้านราคาที่อยู่ในระดับสูงของผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบดั้งเดิม อาทิ ประกันภัยรถยนต์และประกันภัยทรัพย์สิน ทั้งนี้ ลักษณะของธุรกิจประกันวินาศภัยนั้นถูกครอบครองโดยผู้ประกอบการขนาดใหญ่จำนวนไม่กี่ราย โดยผู้ประกอบการที่มีขนาดของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงสูงสุด 20 รายจากทั้งหมด 56 รายนั้นมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงกว่า 80% ในปี 2563 นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรายใหญ่มักจะมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับพันธมิตรที่เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่สำคัญได้มากกว่าอีกด้วย

เป็นผู้ให้ประกันภัยรถยนต์ที่มีความแข็งแกร่ง

จากการประเมินของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันของ TNI นั้นสะท้อนให้เห็นถึงธุรกิจประกันภัยรถยนต์ของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งซึ่งมีผลการดำเนินงานและความสามารถในการทำกำไรโดยรวมที่อยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ TNI เป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งทางการตลาดของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.3% ในปี 2563 โดยจัดอยู่ในอันดับที่ 9 จากผู้ประกอบการทั้งหมด 56 ราย บริษัทดำเนินธุรกิจประกันภัยรถยนต์ซึ่งมีความแข็งแกร่งและมีส่วนแบ่งทางการตลาดของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงที่ระดับ 5% ในปี 2563 โดยจัดอยู่ในอันดับที่ 6 ของอุตสาหกรรม

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ TNI มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจรายย่อยเป็นหลัก บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจเฉพาะอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์ เช่น ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันสุขภาพควบคู่ไปกับประกันภัยรถยนต์ที่เป็นธุรกิจหลัก ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทมีสัดส่วนของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจากประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจอยู่ที่ระดับ 82% ของเบี้ยประกันภัยทั้งหมดและจากประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ระดับ 11%

ผลการดำเนินงานในด้านการรับประกันภัยของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีโดยมีอัตราส่วนรวมอยู่ในระดับที่ (Combined Ratio) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากผลงานการบริหารงานเคลมที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำ บริษัทมีอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 52%-57% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ให้ประกันภัยรถยนต์รายใหญ่บางรายและมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 13.5% ในปี 2563 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ดีเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ในขณะที่ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์มีสัดส่วนกำไรจากการรับประกันที่สูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ทริสเรทติ้งคาดว่าความสัมพันธ์ที่มั่นคงที่ TNI มีกับสถาบันการเงิน นายหน้าประกันภัย และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ต่าง ๆ จะช่วยรักษาระดับเบี้ยประกันที่บริษัทได้รับต่อไปได้เป็นอย่างดีในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ในปี 2563 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงที่มาจากนายหน้าประกันภัยในสัดส่วนสูงที่สุดโดยอยู่ที่ระดับ 56% ของเบี้ยรวม ตามมาด้วยเบี้ยที่มาจากการขายประกันผ่านธนาคารที่ระดับ 38% และจากช่องทางขายตรงอีก 4% นอกจากนี้ บริษัทยังได้พยายามใช้วิธีการคัดเลือกพันธมิตรช่องทางการจัดจำหน่ายรายใหม่อย่างระมัดระวังโดยให้ความสำคัญกับแนวร่วมเชิงกลยุทธ์มากกว่าการพิจารณาจากยอดขายสูงสุดอีกด้วย

เงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาก

อัตราส่วนเงินกองทุนของ TNI อยู่ที่ระดับ 1,313% ณ เดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่แข็งแกร่งมากและเป็นระดับสูงที่สุดในกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยไทย ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถคงสถานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งอย่างมากเช่นนี้ต่อไปได้ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าโดยอยู่ภายใต้สมมติฐานหลัก ๆ คืออัตราส่วนเงินปันผลที่ระดับ 70% อัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยที่ระดับ 5%-10% ต่อปี อัตราส่วนรวมที่ระดับ 93%-96% โดยมีอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนในระดับปกติที่ประมาณ 53%-55% ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าการลงทุนที่ต่อเนื่องในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology ? IT) และรูปแบบการดำเนินงานแบบดิจิทัล (Digital Platform) จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น

การบริหารความเสี่ยงที่ดีช่วยจำกัดความเสี่ยงจากความผันผวนของเงินกองทุน

ทริสเรทติ้งประเมินว่าความเสี่ยงจากความผันผวนของเงินกองทุนของ TNI น่าจะอยู่ในระดับที่จำกัดเนื่องจากบริษัทมีกลยุทธ์การเติบโตที่มีความระมัดระวัง อีกทั้งยังมีการบริหารความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของคู่สัญญาของบริษัทประกันภัยต่อที่อยู่ในเกณฑ์ดี และการบริหารพอร์ตเงินลงทุนที่ระมัดระวัง ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งเน้นการให้บริการรับประกันภัยในธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเช่นประกันภัยรถยนต์ซึ่งนำมาสู่การมีอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนที่ค่อนข้างคงที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่วนสำรองค่าสินไหมทดแทนซึ่งมีอัตราการขยายตัวที่สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของเบี้ยประกันภัยรับนั้นทริสเรทติ้งก็มองว่าเป็นพัฒนาการที่ดีด้วยเช่นกัน

TNI มีความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับบริษัทประกันภัยต่อในการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่บริษัทไม่มีความเชี่ยวชาญอย่างเต็มที่โดยผ่านการแบ่งปันข้อมูลและการใช้ประกันภัยต่อแบบอัตราส่วน (Quota Share) ในขณะเดียวกันก็เลือกใช้การประกันภัยต่อแบบความเสียหายส่วนเกิน (Excess of Loss) เพื่อบรรเทาความเสี่ยงจากความสูญเสียที่มีมูลค่าสูงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ (Catastrophy Risk) ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยต่อที่เป็นคู่สัญญาทั้งหมดต่างก็มีสถานะเครดิตที่อยู่ในเกณฑ์ดีซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตขั้นต่ำที่ระดับ ?A-? ตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสากล (International Rating Scale) โดย TNI มีทรัพย์สินจากการประกันภัยต่อคิดเป็นสัดส่วนที่ต่ำเพียง 7.7% ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ เดือนมิถุนายน 2564

TNI ได้เริ่มบริหารเงินลงทุนแบบอนุรักษ์นิยมตั้งแต่ช่วงเริ่มการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตเงินลงทุนโดยได้กระจายเงินลงทุนส่วนใหญ่ไปในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอันประกอบไปด้วยเงินฝากประจำ (38% ของเงินลงทุนรวม) พันธบัตรรัฐบาล (36%) และหุ้นกู้เอกชน (19%) ที่มีอันดับเครดิตขั้นต่ำที่ระดับ ?A-? ตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตประเทศ (National Rating Scale) ส่วนเงินลงทุนในส่วนที่เหลืออีก 7% ประกอบไปด้วยตราสารทุนภายในประเทศ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมที่มีการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ ในขณะที่ความเสี่ยงจากผู้ออกตราสารหนี้และตราสารทุนรายเดียวนั้นก็อยู่ในระดับต่ำเช่นกัน

การบริหารความเสี่ยงและกรอบธรรมาภิบาลที่มีความรอบด้าน

ทริสเรทติ้งไม่เห็นว่ามีข้อบกพร่องใด ๆ จากการบริหารความเสี่ยงและกรอบธรรมาภิบาลที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มเติมแก่ TNI เนื่องจาก TNI ได้ปฏิบัติตามกรอบการบริหารความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management ? ERM) รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงและความมั่นคงทางการเงินของบริษัท (Own Risk and Solvency Assessment ? ORSA) ที่กำหนดโดย คปภ. ซึ่งครอบคลุมขอบเขตของการบริหารความเสี่ยงตลอดจนความรับผิดชอบของคณะกรรมบริหารความเสี่ยงและหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องซึ่งประกอบด้วยนักคณิตศาสตร์ประกันภัย (Actuary) ฝ่ายกำกับดูแล (Compliance) และฝ่ายตรวจสอบภายใน (Internal Audit) ทั้งนี้ กระบวนการดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงการดำเนินการที่สำคัญในแต่ละด้านของธุรกิจประกันภัยอีกด้วย

เพื่อให้เป็นปัจจัยชี้วัด TNI มีการจัดทำกระบวนการวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ ตลอดจนการติดตามตรวจสอบความเสี่ยงรายเดือน และการจำลองผลกระทบจากภาวะวิกฤติภายใต้สถานการณ์จำลองที่หลากหลาย (Multiple-scenario Stress Test) เพื่อปฏิบัติเป็นการภายในอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกำหนดความเสี่ยงที่สำคัญ ๆ ซึ่งประกอบด้วยความเสี่ยงด้านเงินกองทุน ความเสี่ยงจากการรับประกันภัย ความเสี่ยงด้านเครดิต ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และความเสี่ยงด้านการตลาด รวมถึงมีการกำหนดดัชนีชี้วัดระดับความเสี่ยง (Trigger Point) ควบคู่ไปกับช่วงเบี่ยงเบนที่ยอมรับได้ (Tolerance Level) และแนวปฏิบัติในการรับมือกับความเสี่ยงไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในการจำลองผลกระทบจากภาวะวิกฤติเป็นการภายในนั้นยังมีการนำสมมติฐานที่มีความเชื่อมโยงสอดคล้องกันในหลากหลายสถานการณ์ซึ่งมีระดับของความรุนแรงแตกต่างกันไปมาปรับใช้อีกด้วย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเห็นว่าสมมติฐานเหล่านี้มีความเข้มงวดสูงกว่าสมมติฐานที่ใช้ในการจำลองเพื่อส่งผลวิเคราะห์ให้แก่ คปภ.

มีสภาพคล่องสูง

TNI มีสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง บริษัทมีอัตราส่วนสภาพคล่องตามเกณฑ์ของ คปภ. อยู่ในระดับสูงถึง 710% ณ เดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำตามกฎระเบียบที่ระดับ 100% ทั้งนี้ พอร์ตเงินลงทุนของ TNI ประกอบไปด้วยเงินฝากประจำและสินทรัพย์สภาพคล่องสูงที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน ตราสารทุน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน (2564-2566)

? อัตราการเติบโตของเบี้ยรับโดยตรงจะอยู่ที่ระดับ 5%-10%

? อัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนจะอยู่ที่ระดับ 52%-57%

? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ระดับ 40%-42%

? ผลตอบแทนจากเงินลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 2.6%-3%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่า TNI จะรักษาความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจประกันภัยรถยนต์และในขณะเดียวกันยังค่อย ๆ เพิ่มความหลากหลายไปสู่ธุรกิจที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากสถานะอันดับเครดิตในระดับปัจจุบันแล้ว ทริสเรทติ้งยังคาดหวังด้วยว่า TNI จะคงความแข็งแกร่งของเงินกองทุนได้อย่างยั่งยืนพร้อมทั้งยังคงมาตรฐานการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดและสภาพคล่องที่เพียงพอเอาไว้ได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

ทริสเรทติ้งอาจปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ TNI ลงหากมีการเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญของสถานะเงินกองทุนหรือสภาพคล่องอันนำไปสู่การปรับลดสถานะเครดิตเฉพาะของบริษัท โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในกรณีที่บริษัทประสบผลขาดทุนเป็นมูลค่าสูงอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น หลักฐานใด ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับข้อบกพร่องของการบริหารความเสี่ยงและระบบธรรมาภิบาลอย่างมีนัยสำคัญก็อาจส่งผลกดดันต่อสถานะเครดิตเฉพาะของบริษัทได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ TNI ถูกจำกัดให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าอันดับเครดิตของ TCAP ไม่เกิน 2 ขั้น ดังนั้นการปรับลดอันดับเครดิตของ TCAP ก็อาจทำให้มีการปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ TNI ได้ด้วยเช่นกัน

ทริสเรทติ้งอาจปรับเพิ่มสถานะเครดิตเฉพาะของ TNI หากบริษัทสามารถยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้อาจจะด้วยการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงได้อย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ยังคงสามารถรักษาผลการดำเนินงานจากการรับประกันภัยและความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดี รวมทั้งคงระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดเอาไว้ได้ เป็นต้น ทั้งนี้ การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะในกรณีที่มีการปรับเพิ่มสถานะเครดิตเฉพาะของ TNI และอันดับเครดิตของ TCAP เท่านั้น

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตบริษัทประกัน, 17 กันยายน 2562

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) (TNI)

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน: AA-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ