ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ
?AA-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นบริษัทเอกชนผู้ให้บริการน้ำประปาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ตลอดจนการมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาจำหน่ายน้ำประปาแก่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) อุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจสำหรับคู่แข่งที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการมีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าเนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจาก กปภ. เป็นหลัก และโอกาสในการขยายธุรกิจในพื้นที่ดำเนินงานปัจจุบันของบริษัทที่มีจำกัดอีกด้วย
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทเอกชนผู้ให้บริการน้ำประปารายใหญ่ที่สุดซึ่งมีกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้
พื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นผลมาจากสถานะในการเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมีสัญญาซื้อขายน้ำประปาระยะยาวกับ กปภ. โดยบริษัทและ บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก จำหน่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. ภายใต้สัญญาซื้อขายน้ำประปา 2 ฉบับซึ่ง กปภ. มีพันธะในการรับซื้อน้ำประปาจากบริษัทในปริมาณขั้นต่ำจำนวน 712,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการผลิต จำหน่าย และให้บริการน้ำประปา รวมทั้งให้บริการบำบัดน้ำเสียในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินเป็นระยะเวลา 30 ปีอีกด้วย โดยสิทธิ์ดังกล่าวจะหมดอายุในปี 2582
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้หลักจากการให้บริการในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาคร เขตพื้นที่รังสิต-จังหวัดปทุมธานี และเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 64% 30% และ 6% ของรายได้ทั้งหมด ตามลำดับ
ได้รับผลกระทบไม่มากจากโรคโควิด 19
รายได้จากการขายน้ำประปาลดลง 6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 และคาดว่าทั้งปี 2564 จะลดลง 5% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำประปาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 833,380 ลบ.ม. ต่อวัน ลดลง 7% จาก 896,600 ลบ.ม. ต่อวันในช่วงเดียวกันของปี 2563 ทั้งนี้ แม้ว่าอุปสงค์น้ำประปาจะเพิ่มขึ้นจากผู้บริโภคประเภทครัวเรือนในช่วงระยะเวลาที่มีมาตรการปิดเมือง (Lockdown) แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับอุปสงค์น้ำประปาที่ลดลงจากภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม จากข้อมูลของ กปภ. ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2564 ยอดขายน้ำประปาในพื้นที่ให้บริการน้ำของบริษัทแก่ผู้บริโภคในภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ในขณะที่ยอดขายน้ำประปาให้กับผู้บริโภคในภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 3%
อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ช่วยเสริมรายได้กับบริษัท โดยส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับจากการลงทุนในบริษัทซีเค พาวเวอร์อยู่ที่ 514 ล้านบาทในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีสาระสำคัญจาก 100 ล้านบาทสำหรับทั้งปี 2563
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะกลับมาดีขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2564 ทั้งนี้ รายได้จากการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5.8-6.1 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2566
อุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจอยู่ในระดับสูง
การเข้าสู่ธุรกิจผลิตน้ำประปาในเขตพื้นที่ให้บริการของบริษัทนั้นถือเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ การสร้างท่อน้ำประธานและท่อจ่ายน้ำในพื้นที่ให้บริการต้องใช้เงินลงทุนที่สูงและต้องได้รับสิทธิ์ในการใช้พื้นที่สาธารณะ ทั้งนี้ การที่บริษัทเป็นเจ้าของท่อน้ำประธานและท่อจ่ายน้ำในพื้นที่ให้บริการบางส่วนจึงเป็นอุปสรรคต่อผู้ที่ต้องการเข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งแหล่งน้ำดิบและการได้รับสัมปทานจาก กปภ. ซึ่งมีความเป็นไปได้ในระดับต่ำนั้นก็เป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้าสู่ธุรกิจอีกด้วยเช่นกัน
มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทน่าจะยังอยู่ในระดับคงที่ในช่วงปีประมาณการ โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายน่าจะทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 4.7-5.0 พันล้านบาทต่อปี ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้นั้นคาดว่าจะสูงกว่า 80% ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
สภาพคล่องและภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับที่น่าพอใจและมีแนวโน้มที่จะดียิ่งขึ้นเนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่มีเสถียรภาพและบริษัทไม่มีแผนลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ในช่วงปีประมาณการ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินรวมต่อเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 30% ในระยะ 3 ปีข้างหน้าหลังจากที่มีการจ่ายชำระคืนหนี้ตามกำหนด และมีการเบิกจ่ายงบสำหรับการลงทุนตามแผนแล้ว อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินสุทธิคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนเกินกว่าระดับ 80% ในปี 2564-2566 จากที่ระดับประมาณ 70% ในปี 2563 และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีโดยใช้ข้อมูล 12 เดือนย้อนหลัง)
บริษัทน่าจะยังคงมีกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ที่อยู่ในระดับแข็งแกร่ง เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทน่าจะเพียงพอสำหรับการจ่ายชำระหนี้ที่จะครบกำหนดจำนวนราว ๆ 2 พันล้านบาทในปี 2565 และแผนลงทุนอีกประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่การจ่ายเงินปันผลของบริษัทนั้นประมาณการอยู่ที่จำนวน 2.4 พันล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นในสัดส่วน 24.98% ในบริษัทซีเค พาวเวอร์ ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าอยู่ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งจะช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทได้อีกด้วย
มีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าและโอกาสในการขยายธุรกิจที่จำกัด
บริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าโดยที่บริษัทมี กปภ. เป็นลูกค้ารายใหญ่อยู่เพียงรายเดียว ทั้งนี้ ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา มากกว่า 95% ของรายได้ของบริษัทมาจากรายได้จากการจำหน่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. อย่างไรก็ตาม สถานะเครดิตของ กปภ. ก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้เนื่องจาก กปภ. มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ นอกจากนี้ กปภ. ยังถือว่าเป็นคู่แข่งของบริษัทอีกด้วยเนื่องจาก กปภ. มีโรงกรองน้ำประปาและมีโครงข่ายการจ่ายน้ำในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่บริษัทให้บริการอีกด้วย
การเติบโตในอนาคตของบริษัทมีข้อจำกัดเนื่องจากการเติบโตของรายได้นั้นขึ้นอยู่กับการเติบโตภายในพื้นที่ให้บริการปัจจุบันของบริษัทเป็นหลัก บริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาที่จะขยายบริการไปในพื้นที่ใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน กปภ. ก็ยังคงดำเนินนโยบายเกี่ยวกับรูปแบบการดำเนินธุรกิจสำหรับผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนเช่นเดิมและการให้สิทธิ์สัมปทานแก่ผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนนั้นก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่
พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ที่ประกาศในปี 2561 อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนน้ำดิบของบริษัทเป็นบางส่วนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ปัจจุบันบริษัทได้รับอนุญาตให้สามารถสูบน้ำดิบจากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยาได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลออกกฎหมายใหม่และเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการสูบน้ำดิบจากบริษัทแล้ว กปภ. ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของต้นทุนค่าน้ำดิบที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายน้ำประปา ที่บริษัทมีกับ กปภ.
สัมปทานของบริษัทประปาปทุมธานีจะหมดอายุในปี 2566
สัญญาซื้อขายน้ำประปาระยะยาวระหว่างบริษัทประปาปทุมธานี และ กปภ. จะหมดอายุภายในเดือนตุลาคม 2566 โดยสัญญาปัจจุบันระบุว่าบริษัทประปาปทุมธานีมีสิทธิ์ที่จะต่อสัญญาออกไปได้อีกจำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 10 ปี ทั้งนี้ จะมีการเจรจากันอย่างเป็นทางการระหว่างบริษัทประปาปทุมธานีและ กปภ. ก่อนการสิ้นสุดสัญญา 1 ปี
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
? รายได้ของบริษัทจะลดลง 5% ในปี 2564 และ เติบโตประมาณ 3% ในปี 2565 และ 1% ในปี 2566
? อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 80% ในช่วงปีประมาณการ
? งบการลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 300 ล้านบาทในปี 2564 และ 800 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานและคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทมีแนวโน้มที่จะไม่เปลี่ยนแปลงในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทมีความมั่นคงเป็นอย่างมาก
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้เป็นอย่างมีสาระสำคัญโดยไม่ทำให้ฐานะการเงินอ่อนแอลง ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นหากบริษัทมีการลงทุนโดยการก่อหนี้เพิ่มมากเกินไปจนส่งผลกระทบในทางลบต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TTW222A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AA-
TTW255A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 AA-
TTW272A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable