ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?AA? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ?AA+/Stable? จากทริสเรทติ้ง*) อยู่ 1 ขั้นซึ่งสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงเทพ
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงเทพ
ทริสเรทติ้งประเมินว่า บล. บัวหลวง เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงเทพเนื่องจากบริษัททำหน้าที่เป็นเครือข่ายทางด้านตลาดทุนของธนาคารเพื่อให้ธนาคารสามารถให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรแก่ลูกค้า การดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเชื่อมโยงกับธนาคารแม่ในระดับสูงอีกด้วยดังเห็นได้จากการแนะนำลูกค้าและการมีความร่วมมือกันภายในกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารกรุงเทพได้เข้าเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับกลุ่มพิคเทต์ (Pictet Group) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวางแผนการจัดการสินทรัพย์และบริหารความมั่งคั่งชั้นนำระดับโลกจากกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยกลุ่มพิคเทต์ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนให้แก่บริษัทย่อยของ บล. บัวหลวง คือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด (BCAP) ซึ่งน่าจะช่วยให้กลุ่มธนาคารกรุงเทพมีขีดความสามารถในการให้บริการทางด้านการบริหารความมั่งคั่งที่ดียิ่งขึ้นโดยผ่านการออกกองทุนใหม่ที่มีนโยบายการลงทุนที่น่าสนใจของ บลจ. บางกอกแคปปิตอล
จากการที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารกรุงเทพ นโยบายในการดำเนินธุรกิจและนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทจึงถูกกำหนดและควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากธนาคารแม่โดยผ่านทางคณะกรรมการบริษัท อีกทั้งบริษัทยังปฏิบัติตามกรอบการบริหารจัดการความเสี่ยงของธนาคารกรุงเทพโดยนำวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่รัดกุมมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจดังจะเห็นได้จากการที่บริษัทมีการขยายธุรกิจใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) อย่างระมัดระวังหลังจากได้รับผลกระทบในเชิงลบจากผลการดำเนินงานในปี 2563 และบริษัทยังหลีกเลี่ยงการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อเก็งกำไรอีกด้วย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ความเชื่อมโยงระหว่างธนาคารกรุงเทพและบริษัทจะยังคงดำรงอยู่ต่อไปในอนาคตอันใกล้
ผลการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามความคาดหมายของกลุ่ม
ผลการดำเนินงานที่เข้มแข็งและสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนสถานะการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงต่อกลุ่มของบริษัท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ในอันดับที่หนึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมด้วยส่วนแบ่งที่ระดับ 10.9% โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 8.6% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของบริษัทก็ยังคงแข็งแกร่งโดยอยู่ในอันดับที่สามด้วยส่วนแบ่งที่ระดับ 7.7% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564
ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับอานิสงส์จากมูลค่าการซื้อขายของตลาดที่อยู่ในระดับสูงในปี 2564 โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 นั้น กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 205% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วโดยมาอยู่ที่ระดับ 989 ล้านบาทเมื่อเทียบกับระดับของอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น 156% โดยเฉลี่ย ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนจากสถานะทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการให้บริการที่มีคุณภาพสูงและครอบคลุมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และฐานลูกค้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากธนาคารกรุงเทพอย่างต่อเนื่อง
การสนับสนุนทางด้านการเงินที่บริษัทได้รับอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกรุงเทพแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของบริษัทแม่ที่จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างจริงจังในระยะยาว ทั้งนี้ บริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอจากธนาคารกรุงเทพเพื่อเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัท โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 วงเงินสินเชื่อในสัดส่วน 95% ของวงเงินสินเชื่อจำนวนทั้งสิ้น 2.9 หมื่นล้านบาทของบริษัทนั้นเป็นวงเงินที่ได้รับจากธนาคารกรุงเทพ
ผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ได้รับอานิสงส์จากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2564
ตลาดหุ้นของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2563 เป็นต้นมาโดยเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในปี 2563 จนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์ในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งรายงานการเติบโตของรายได้โดยรวมที่ระดับ 48.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563 ผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) รอบใหม่ ๆ ที่มีต่อบรรยากาศของตลาดและมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นถือว่ามีจำกัด โดยมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 9.5 หมื่นล้านบาท ณ เดือนพฤศจิกายน 2564 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 6.6 หมื่นล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563 ส่วนดัชนีราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ยังคงอยู่ในระดับสูงโดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวซึ่งมีปัจจัยกระตุ้นจากการเร่งฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยและการผ่อนปรนมาตรการการเดินทาง
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งตั้งอยู่บนความคาดหมายที่บริษัทจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มธนาคารกรุงเทพต่อไป
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มธนาคารกรุงเทพและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่ต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
ความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของบริษัทอยู่ในระดับต่ำในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้หากสถานะเครดิตของกลุ่มธนาคารกรุงเทพเปลี่ยนแปลงไปจนส่งผลทำให้อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารแม่เปลี่ยนแปลงไป หรือหากสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงเทพเปลี่ยนแปลงไป
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (BLS)
อันดับเครดิตองค์กร: AA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable