ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี ที่ระดับ ?A-? ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการดำเนินงานและชำระคืนหนี้
อันดับเครดิตได้รับการยกระดับเพิ่มขึ้นจากสถานะเครดิตเฉพาะของบริษัทเพื่อสะท้อนถึงการที่บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้งที่ระดับ ?A/Stable?) โดยอันดับเครดิตที่ได้รับการยกระดับสะท้อนถึงการที่บริษัทสร้างรายได้และกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งให้แก่บริษัททุนธนชาต ในขณะที่บริษัทได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจากบริษัททุนธนชาตเช่นกัน
สถานะเครดิตเฉพาะของบริษัทที่ระดับ ?bbb+? สะท้อนถึงความเข้มแข็งของสถานะทางการตลาดของบริษัทในตลาดเฉพาะ ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่เน้นรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์และรถยนต์หรู นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการรักษาสถานะทางการตลาด ตลอดจนการมีฐานทุนที่แข็งแรง และผลประกอบการทางการเงินที่ดีของบริษัทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวก็ถูกลดทอนลงจากความกังวลในเรื่องสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์และคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทที่เสื่อมถอยลงจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทใน 2-3 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดในอีก 2-3 ปีข้างหน้าไว้ได้ โดยจะมีการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากยอดสินเชื่อหดตัวลงซึ่งสอดคล้องกับสภาวะอุตสาหกรรมโดยรวม ทริสเรทติ้งประมาณการว่ายอดสินเชื่อคงค้างของบริษัทจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 6% ต่อปีในช่วงปี 2565-2566 โดยมีสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ในภาคการขนส่งและรถยนต์หรูที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 บริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตขึ้น 2% จากสิ้นปีก่อนหน้า โดยอยู่ที่จำนวน 4.9 หมื่นล้านบาท
ถึงแม้ว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะถดถอยลงอันเป็นผลมาจากเศรษฐกิจอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะยังคงสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตได้จากนโยบายด้านเครดิตที่เข้มงวด กระบวนการจัดเก็บหนี้ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนา รวมถึงการมีสำรองหนี้สูญในระดับที่เพียงพอ อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตหรือสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ระดับ 4.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.1% ณ สิ้นปี 2563
ฐานทุนของบริษัทซึ่งประเมินโดยอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยง (RAC) อยู่ในระดับที่เข้มแข็งที่ระดับ 22.5% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 ความสามารถในการสร้างรายได้ซึ่งประเมินด้วยอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ย (EBT/ARWA) เมื่อปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้วยังคงอยู่ที่ระดับ 4.3% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าบริษัทจะรักษา RAC ให้อยู่ในระดับแข็งแรงที่ 23% และ EBT/ARWA อยู่ที่ระดับ 4.2% ในช่วง 2565-2566 ได้ โดยเป็นผลจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสถานะเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอเนื่องจากบริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ทั้งจากตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุนรวมทั้งยังมีวงเงินสินเชื่อที่มีกับสถาบันการเงินอีกหลายแห่งซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สถานะเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทได้
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาด ตลอดจนฐานทุน และความสามารถในการสร้างผลกำไรในระดับปัจจุบันเอาไว้ได้ นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถบริหารคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแออีกด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากฐานทุนมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงทรงตัวอยู่ในระดับเกินกว่า 25% อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อันดับเครดิตองค์กรอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากอันดับเครดิตของบริษัททุนธนชาตได้รับการปรับเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจนกระทั่งอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงต่ำกว่าระดับ 9% หรือคุณภาพสินเชื่อถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อถัวเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 5% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและฐานทุนของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ การปรับลดอันดับเครดิตของบริษัททุนธนชาตอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้ด้วยเช่นกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563
บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (THANI)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
THANI227A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,745.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
THANI22OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
THANI237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 486.3 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
THANI23NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,439 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
THANI247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 593.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
THANI254A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
THANI255A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 593 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
THANI264A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-
THANI274A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable