ทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีหลักประกันชุดเดิมของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL23OA, CPALL23OB, CPALL243A, CPALL243B, CPALL248B) ในวงเงินรวม 40,874.7 ล้านบาทที่ระดับ ?A+?
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดเดิมของบริษัท (CPALL226A, CPALL233A, CPALL238A, CPALL256A, CPALL263A, CPALL268A, CPALL278A, CPALL283A, CPALL288A, CPALL293A) ในวงเงินรวม 28,217 ล้านบาทที่ระดับ ?A+?
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังได้จัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนชุดเดิมของบริษัท (CPALL17PA) ในวงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาทที่ระดับ ?A-?
โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 2 ระดับ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีลักษณะการด้อยสิทธิและผู้ออกตราสารสามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ยพร้อมกับสะสมดอกเบี้ยจ่ายของหุ้นกู้ได้
อย่างไรก็ตาม หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนชุดเดิมของบริษัท (CPALL17PA) ไม่ตรงตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของทริสเรทติ้งในเรื่องการพิจารณา 50% ของเงินต้นคงค้างของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนเป็นทุน เนื่องจากสารดังกล่าวต้องมีอายุคงเหลือจริง (Remaining Effective Maturity) น้อยกว่า 20 ปี โดยเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของทริสเรทติ้งนั้นระบุว่า อายุคงเหลือจริงของตราสารจะลดลงเมื่อมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเท่ากับหรือมากกว่า 100 Basis Points (bps) ซึ่งในกรณีของหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนของบริษัทชุดนี้ กรณีดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อหุ้นกู้ครบกำหนด 10 ปีนับจากวันที่ออกหุ้นกู้
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 ได้รับผลกระทบจากการรวมงบการเงินของ บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (CPRD) และผลการดำเนินงานของ Lotus?s ในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการรวมงบการเงินดังกล่าว หนี้สินทางการเงินของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.9 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 จากระดับ 2.8 แสนล้านบาทในปี 2563 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 8.1 เท่าในปี 2564 จากระดับ 5.7 เท่าในปี 2563
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งปรับประมาณการเพื่อสะท้อนถึงการรวมงบการเงินของ CPRD และแผนการลงทุนของ Lotus?s ภายใต้ประมาณการใหม่ รายได้จากการดำเนินงานรวมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 36.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 8 แสนล้านบาทในปี 2565 และ8.4-8.9 แสนล้านบาทในปี 2566-2567 กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 18.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 5.7 หมื่นล้านบาทในปี 2565 ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6.1-6.4 หมื่นล้านบาทในปี 2566-2567 ในขณะที่อัตราส่วนส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6.7 เท่าในปี 2565 และจะค่อย ๆ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6 เท่าในปี 2567
ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทจะมีเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 แหล่งเงินทุนของบริษัท ประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 9.2 หมื่นล้านบาทและคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2565 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท ทริสเรทติ้งประเมินว่าเงินสดในมือและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทมีเพียงพอสำหรับใช้ในการชำระหนี้ที่จะครบกำหนดจำนวนประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท รวมถึงใช้เป็นค่าใช้จ่ายตามแผนลงทุนประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท
ตามข้อกำหนดทางการเงินของตราสารหนี้ที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ให้ต่ำกว่า 2 เท่านั้น ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.9 เท่าซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทน่าจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวได้ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณการ
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำและความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนยังคงมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดีต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าการมีเงินสดในระดับที่สูงและกระแสเงินสดที่มั่นคงจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินในการลงทุนในอนาคตตามแผนของบริษัทได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากโครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาด หรือบริษัทมีการก่อหนี้เพื่อขยายการลงทุนจำนวนมากจนคาดว่าจะส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายสูงเกินกว่า 8 เท่าเป็นระยะเวลานาน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPALL226A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
CPALL22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
CPALL233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 937 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL233B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL23OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 4,132 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL23OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 10,990 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 5,379.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPALL243B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 9,934.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPALL246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPALL248B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 10,439 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPALL256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPALL256B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 13,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPALL256C: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPALL263A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,074 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
CPALL263B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
CPALL266A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 17,773 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
CPALL268A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 748 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
CPALL271A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,466 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL275A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,698.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL278A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL27NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL283A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,607 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPALL283B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPALL286A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,376 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPALL288A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,851 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPALL291A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,920 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A+
CPALL293A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A+
CPALL305A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,169.3 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A+
CPALL305B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A+
CPALL311A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,614 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
CPALL313A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
CPALL316A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 21,351 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
CPALL325A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,632 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A+
CPALL336A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2576 A+
CPALL359A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2578 A+
CPALL363A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2579 A+
CPALL17PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 10,000 ล้านบาท A-
CPALL21PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 10,000 ล้านบาท A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable