ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.2 หมื่นล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?BBB+? ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นบริษัทย่อยหลักของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ? (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ ?BBB+/Stable?
ผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น และของบริษัทในปี 2564 สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นมีรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 1.47 แสนล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 6.23 หมื่นล้านบาท
ณ เดือนธันวาคม 2564 ธุรกิจสื่อสารแบบไร้สายของบริษัทมีจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น 32.2 ล้านราย เพิ่มขึ้นจาก 30.6 ล้านรายในปี 2563 ในขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาในด้านรายได้จากการให้บริการ บริษัทยังคงสถานะทางการแข่งขันในการเป็นผู้ให้บริการสื่อสารแบบไร้สายรายใหญ่อันดับสองของประเทศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดคิดเป็นสัดส่วน 31.5% ในปี 2564
รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (Average Revenue Per User ? ARPU) ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมในปี 2564 อยู่ภายใต้สภาวะกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมาตรการควบคุมพื้นที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่ภาครัฐนำกลับมาใช้อีกครั้ง ส่งผลทำให้รายได้รวมของกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี 2564 ลดลง 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ รายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charges ? IC) ของบริษัทลดลงเล็กน้อย 0.5% มาอยู่ที่ 7.98 หมื่นล้านบาท ซึ่งไปในทิศทางเดียวกันกับภาวะอุตสาหกรรม
บริษัทมีการทำกำไรที่ปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 EBITDA ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.68 หมื่นล้านบาท จากระดับ 3.36 หมื่นล้านบาทในปี 2563 และมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ระดับ 2.35 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้สินของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูง โดยมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ระดับ 2.75 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีกำไรและกระแสเงินสดที่ปรับดีขึ้น ทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ลดลงมาอยู่ที่ 7.5 เท่า จากระดับ 8-9 เท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินที่ 8.5%
ในขณะนี้ บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) กำลังดำเนินการต่างๆ ตามแผนการควบรวมบริษัท รวมถึงการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นที่กำลังจะมีการจัดการประชุมในอีกไม่นานนี้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมีข้อสังเกตว่าการควบรวมกิจการในครั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับการได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการประเมินถึงผลกระทบจากการควบรวมดังกล่าวต่ออันดับเครดิตองค์กรของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทด้วย ทั้งนี้ การประเมินยังขาดข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างของบริษัทใหม่และทิศทางธุรกิจหลังการควบรวมกิจการ
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น และความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่า บริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่นต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น อันดับเครดิตของบริษัทจึงเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของบริษัทแม่ การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของบริษัทแม่หรือการเปลี่ยนแปลงสถานะของบริษัทที่มีต่อกลุ่มจะส่งผลต่ออันดับเครดิตของบริษัท
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TUC225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,258.30 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TUC228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TUC22DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,772.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TUC238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 8,001.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TUC23DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,545.10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TUC241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,190.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,182.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC245A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,789.50 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 18,544.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
TUC25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,838.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
TUC26DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,480.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 BBB+
TUC275A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,376.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 BBB+
TUC27NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,643.50 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 BBB+
TUC295A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,575.80 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 BBB+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable