ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 1 ปี 6 เดือนของบริษัทที่ระดับ ?A? ด้วยเช่นกัน
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจหลักทรัพย์และผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ การกระจายของแหล่งรายได้และผลกำไรที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้น 1 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile -- SACP) ของบริษัทที่ระดับ ?a-? ซึ่งสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทในเครือเชิงกลยุทธ์ (Strategic Affiliate) ของ KGI Securities Co., Ltd. ในไต้หวัน (หรือ KGI Taiwan รวมทั้งบริษัทในเครือรายอื่น ๆ ในกลุ่มเคจีไออีกด้วยโดย KGI Taiwan ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?BBB+/Stable? จาก S&P Global Ratings)
การยกระดับเพิ่มขึ้นจากสถานะทางกลุ่มได้รับการสนับสนุนจากการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานและการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอให้แก่กลุ่มของบริษัท ซึ่งเป็นเหตุจูงใจที่จะทำให้กลุ่มเคจีไอจะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทพร้อมทั้งให้การสนับสนุนแก่บริษัทต่อไปในอนาคตอันใกล้
KGI Asia (Holdings) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทลูก 100% ของ KGI Taiwan เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บล. เคจีไอ ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 34.975% บริษัทยังได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจและความรู้ความเชี่ยวชาญของ KGI Taiwan ซึ่งทำให้บริษัทกลายมาเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดตราสารอนุพันธ์ในประเทศไทย อย่างไรก็ดี แม้ว่าทริสเรทติ้งจะมองเห็นความสัมพันธ์ในระดับหนึ่งในด้านกลยุทธ์และความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบริษัท กับ KGI Taiwan และบริษัทในเครือ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานการสนับสนุนทางด้านการเงินที่ชัดเจนจากกลุ่ม
สถานะทางธุรกิจในธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทยังคงแข็งแกร่งจากการเป็นเป็นผู้นำทางการตลาดของไทยในการออกผลิตภัณฑ์ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ในปี 2564 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่ง 50.26% ส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ของบริษัทยังคงเข้มแข็งเช่นกันด้วยส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ 3.1% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 หรืออันดับที่ 13 จาก 38 โบรกเกอร์ในอุตสาหกรรม บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 9.2% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 จาก 6.0% ในปี 2563 จากฐานลูกค้าที่ขยายตัว
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจในธุรกิจหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่งต่อไปได้ในระยะปานกลางจากสถานะความเป็นผู้นำทางการตลาดของไทยในการออกผลิตภัณฑ์ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ที่เข้มแข็งและความพยายามในการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทริสเรทติ้งยังคาดอีกว่าฐานรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของบริษัทจะยังคงสนับสนุนสถานะทางธุรกิจของบริษัทต่อไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า สำหรับปี 2564 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 72% มาอยู่ที่ประมาณ 1.6 พันล้านบาทจากปี 2563 ส่วนหนึ่งจากผลการดำเนินงานที่แข็งแรงจากบริษัทย่อยคือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการคิดเป็น 30% ของรายได้รวมสำหรับปี 2564
ฐานทุนของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยง (Risk-adjusted Capital Ratio -- RAC) นั้นมีแนวโน้มลดลงจากการเติบโตของลูกหนี้ในธุรกิจค้าหลักทรัพย์และเงินลงทุน ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงที่ 10.8% อีกทั้งบริษัทยังคงมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (Net Capital Ratio -- NCR) ที่ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 59.59% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 โดยสูงกว่าอัตราขั้นต่ำของทางการที่ระดับ 7% ค่อนข้างมาก
ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะยังคงเข้มแข็งในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยในปี 2564 บริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ที่ปรับความเสี่ยงเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 4.4% ในปี 2564 จาก 1.8% ในปี 2563 จากการมีกำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินที่แข็งแกร่งและจากรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในมุมมองของทริสเรทติ้ง การบริหารความเสี่ยงของ บล. เคจีไอ ยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยบริษัทยังคงได้รับการสนับสนุนและแนวทางการบริหารความเสี่ยงจากกลุ่มเคจีไอทั้งในด้านความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านผลิตภัณฑ์ ระบบการซื้อขายอัตโนมัติ กลยุทธ์การซื้อขาย และการบริหารความเสี่ยงซึ่งปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน ในปี 2563 ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระดับสูงส่งผลให้เกิดผลขาดทุนจากธุรกิจใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารได้ปรับปรุงลักษณะของผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าวและบริษัทได้ควบคุมปริมาณธุรกรรมการบริหารเงินลงทุน (Proprietary Trading) เพื่อลดความเสี่ยงของบริษัทต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาหลักทรัพย์อีกด้วย
ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทมีแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอเนื่องจากบริษัทมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันหลายแห่งเพื่อช่วยส่งเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของรายได้ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ธุรกิจที่สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมและการรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษาฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่งจากการมีระดับกำไรที่มีเสถียรภาพและการจ่ายเงินปันผลในระดับที่เหมาะสมในขณะที่บริษัทจะยังคงมีวินัยในการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็งด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัด อย่างไรก็ตาม การปรับลดอันดับเครดิตก็อาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทมีฐานทุนซึ่งวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะเวลาที่ต่อเนื่องซึ่งเกิดจากการขาดทุนที่ทำให้ส่วนทุนลดลงหรือจากการขยายตัวของงบดุลอย่างรวดเร็วจากการขยายธุรกิจเชิงรุก
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่มีต่อสถานะเครดิตของกลุ่มเคจีไอหรือมุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับสถานะของบริษัทที่มีต่อกลุ่มเคจีไอที่เปลี่ยนไปก็อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทได้
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- Securities Company Rating Methodology, 9 เมษายน 2563
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน (KGI)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 1 ปี 6 เดือน A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable