ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3.745 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?BBB+? ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดปัจจุบัน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ตลอดจนตำแหน่งผู้นำในตลาดพลาสติก Low-density Polyethylene (LPDE) และ Ethylene Vinyl Acetate (EVA) รวมถึงการมีกระแสเงินสดที่เชื่อถือได้จากธุรกิจผลิตไฟฟ้า อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงผลประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจใน 3 ธุรกิจหลักดังกล่าว รวมไปถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์
อย่างไรก็ตาม ในการทบทวนอันดับเครดิตนั้นทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจพลาสติก ตลอดจนผลกระทบจากการหมดอายุของส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ในธุรกิจผลิตไฟฟ้า แนวโน้มภาระหนี้สินของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ และความเสี่ยงจากการลงทุนใน ?โครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ? (Special Economic Zone -- SEZ) อีกด้วยเช่นกัน
ผลกำไรของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ในปี 2564 โดยได้แรงหนุนส่วนใหญ่มาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในธุรกิจพลาสติก ทั้งนี้ ความสามารถในการทำกำไรที่สูงของธุรกิจพลาสติกนั้นเป็นผลมาจากส่วนต่างที่กว้างขึ้นของราคา EVA รวมถึงสินค้ากาวเคมีและวัตถุดิบ ตลอดจนความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับ EVA เกรดพิเศษที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เติบโตมากขึ้น สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้น โรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงขยะ (Refuse-Derived Fuel -- RDF) ทั้งหมดของบริษัทยังคงดำเนินการได้อย่างดีและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าดังกล่าวสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในปริมาณที่มากขึ้นเนื่องจากได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการติดตั้งหม้อไอน้ำสำรอง นอกจากนี้ เนื่องจากโรงงานปูนซีเมนต์ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจึงสามารถใช้ RDF ทดแทนถ่านหินได้ถึง 40% ซึ่งช่วยลดต้นทุนปูนเม็ดให้แก่บริษัทได้อีกด้วย
ทริสเรทติ้งยังคงมีมุมมองว่าผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันจากการหมดอายุลงของ Adder จำนวนมากซึ่งจะมีผลในช่วงระหว่างปี 2565-2568 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่ารายได้ที่ลดลงนั้นน่าจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่งของธุรกิจพลาสติก ตลอดจนธุรกิจปูนซีเมนต์ที่น่าจะฟื้นตัว และการปรับเพิ่มขึ้นของค่า Ft
ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1.05 หมื่นล้านบาทในปี 2565 และมีความเป็นไปได้ที่จะมีผลกำไรเพิ่มสูงขึ้นจากโครงการต่างๆที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งโครงการที่สำคัญประกอบไปด้วย การขยายกำลังการผลิต EVA การปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โครงการทดแทนถ่านหินด้วยเชื้อเพลิง RDF ทั้งในโรงงานปูนซีเมนต์และโรงไฟฟ้า รวมถึงการเสนอขอสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหิน/RDF ขนาด 70 เมกะวัตต์ ซึ่งหากสามารถรับรู้ผลประโยชน์จากโครงการเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ ผู้บริหารของบริษัทคาดว่าบริษัทจะมี EBITDA ที่ระดับ 1.3-1.4 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2565-2566
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทน่าจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุนโครงการลดต้นทุนต่างๆ และใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ (Waste-to-Energy ? WTE) ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะแห่งใหม่ 2 โครงการในจังหวัดสงขลาและจังหวัดนครราชสีมา และยังมีแผนจะเข้าร่วมประมูลสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานขยะฉบับใหม่ๆทั่วประเทศ สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษนั้น โครงการดังกล่าวถูกระงับชั่วคราว และความก้าวหน้าของโครงการนั้นจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของรัฐบาล ทั้งนี้ บริษัทจะยังไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมใด ๆ ในโครงการดังกล่าวในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเชื่อมั่นว่าโครงการน่าจะยังดำเนินต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ และได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าความเข้มแข็งทางการเงินของบริษัทซึ่งวัดด้วย อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินสุทธินั้น น่าจะอ่อนแอลง แต่เชื่อว่าน่าจะยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าสถานะในการแข่งขันของบริษัทในธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจพลาสติกจะยังคงเดิม ในขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้นจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจและสร้างกระแสเงินสดให้แก่กลุ่มต่อไป ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในการได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยชดเชยกระแสเงินสดที่จะลดลงจากการหมดอายุของ Adder ได้บางส่วน ในขณะที่ผลการดำเนินงานและภาระหนี้สินของบริษัทจะยังคงเป็นไปตามการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตนั้นมีจำกัดในระยะใกล้เนื่องจากแนวโน้มกระแสเงินสดที่ลดลงและความต่อเนื่องของการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี การปรับเพิ่มอันดับเครดิตก็อาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานต่าง ๆ และ/หรือประสบความสำเร็จในการได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยชดเชยผลกระทบจากการหมดอายุของ Adder ได้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังอาจประกอบด้วยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA ของบริษัทที่ลดลงต่ำกว่า 6 เท่าเป็นระยะเวลานานและบริษัทสามารถกระจายความหลากหลายของแหล่งกู้ยืมได้
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 8 เท่าเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผลกำไรลดลงอย่างมาก และ/หรือบริษัทมีการลงทุนโดยใช้หนี้เงินกู้อย่างเกินตัว นอกจากนี้ การสูญเสียส่วนทุนจำนวนมากจากคดีฟ้องร้องที่ยังคงดำเนินอยู่ก็อาจส่งผลทำให้มีการปรับลดอันดับเครดิตลงได้ด้วยเช่นกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TPIPL228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,745 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TPIPL231A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TPIPL231B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,382.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TPIPL234A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,640.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TPIPL241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TPIPL244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,127 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TPIPL24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,515.3 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TPIPL251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,888 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
TPIPL256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
TPIPL25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,410.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
TPIPL264A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 BBB+
TPIPL269A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 BBB+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 3,745 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 7 ปี BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable