ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปีของบริษัทที่ระดับ ?A-? ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้ปัจจุบันบางส่วน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงความหลากหลายของสินค้าของบริษัท ตลอดจนสถานะทางการแข่งขันที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในตลาดบ้านจัดสรร รายได้เงินปันผลที่สม่ำเสมอจากการลงทุนในบริษัทร่วม รวมถึงภาระหนี้ที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงและอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้ซื้อบ้านในระยะปานกลาง ในขณะที่การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยังคงยืดเยื้อก็น่าจะยังคงสร้างแรงกดดันต่อธุรกิจโรงแรมของบริษัทอีกด้วย
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 อ่อนแอกว่าการคาดการณ์ล่าสุดของทริสเรทติ้ง โดยรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 ลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 8.12 พันล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักเนื่องมาจากบริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้และการปิดไซต์ก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2564 ในขณะที่รายได้ที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมที่ลดลงนั้นก็ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอ่อนตัวลง ทำให้อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทในปี 2564 ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 33% จากระดับ 34% ในปี 2563
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อยๆ ฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไปจากปัจจัยสนับสนุนที่บริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้นที่มูลค่าประมาณ 9.5 พันล้านบาทในปีนี้ โดยในไตรมาสแรกของปี 2565 บริษัทได้เปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ที่มูลค่า 2.7 พันล้านบาทจำนวน 1 โครงการ บริษัทมียอดขายในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมาอยู่ที่ระดับ 2 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1-1.1 หมื่นล้านบาทและอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ในระดับเกินกว่า 30% ในช่วงเวลา 2-3 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินแบบระมัดระวังเช่นเดิม และเนื่องจากบริษัทมีแผนการจะเปิดตัวเฉพาะโครงการแนวราบเท่านั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ในระหว่างปี 2565-2566 ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินรวมจำนวน 1.51 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ระยะยาวจำนวน 3.14 พันล้านบาทและหุ้นกู้จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมของบริษัทมีสัดส่วนอยู่ที่ระดับ 21% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่ระดับ 50% ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงมองว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่มีความเสียเปรียบในด้านลำดับสิทธิเรียกร้องเหนือสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน
ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทจะมีเพียงพอในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีแหล่งสภาพคล่องจากเงินสดในมือจำนวน 3.21 พันล้านบาทและวงเงินสินเชื่อระยะสั้นจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวนประมาณ 4.21 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประมาณ 2 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินทรัพย์ที่ไม่ติดภาระเป็นหลักประกันคิดเป็นมูลค่าทุนอีกประมาณ 5.89 พันล้านบาทซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับการขอวงเงินสินเชื่อใหม่ได้อีกด้วย ในการนี้ บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าที่มูลค่า 9.1 พันล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 7.5 พันล้านบาทและเงินกู้ครบกำหนดชำระจำนวน 1.6 พันล้านบาท
ตามข้อกำหนดทางการเงินระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนให้ต่ำกว่า 2 เท่า ซึ่ง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่เพียง 0.5 เท่า ดังนั้น บริษัทจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ตามเป้าหมายและรักษาสถานะทางการเงินให้อยู่ในระดับเทียบเท่ากับปัจจุบัน ทั้งนี้ ในช่วงปี 2565-2566 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทน่าจะอยู่ในช่วง 1-1.1 หมื่นล้านบาทต่อปีและคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% และรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายให้อยู่ในระดับต่ำว่า 6 เท่า โดยที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้นั้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 28%-30% ในช่วงปีประมาณการ
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจมีการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงอ่อนแอลงจากระดับที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ต่อไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในขณะที่สถานะทางการเงินของบริษัทไม่อ่อนแอลงจากระดับปัจจุบัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
QH225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
QH22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
QH243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
QH246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปี A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable