ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกหลัก (Core Subsidiary) ของ บริษัท เคเคพี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (KKP Capital) ซึ่งเป็นบริษัทลูกหลักของธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) ทั้งนี้ อันดับเครดิตของ บล. เกียรตินาคินภัทรอยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตของธนาคารเกียรตินาคินภัทร (?A/Stable?) ซึ่งจัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทลูกหลักของธนาคารเกียรตินาคินภัทร
การที่ บล. เกียรตินาคินภัทร มีบูรณาการกับบริษัทอื่นๆ ภายในกลุ่มเพิ่มมากขึ้นผ่านทางกลยุทธ์การแนะนำลูกค้าที่มีประสิทธิภาพนั้นได้ส่งผลทำให้เกิดความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันมากยิ่งขึ้นและทำให้บริษัทสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มในสัดส่วนที่มากขึ้น โดยในปี 2564 รายได้รวมและกำไรสุทธิของบริษัทคิดเป็น 22% และ 28% ของรายได้รวมและกำไรสุทธิของธนาคารเกียรตินาคินภัทรตามลำดับ
บริษัทได้ขยายขอบเขตการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนให้แก่ลูกค้าของธนาคารเกียรตินาคินภัทรและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันภายในกลุ่ม นอกจากนี้ บริษัทยังได้ช่วยธนาคารเกียรตินาคินภัทรขยายฐานเงินฝากผ่านการเสนอบัญชีเงินฝากของธนาคารให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการบริหารความมั่งคั่งของบริษัทเพื่อใช้เป็นบัญชีที่ทำธุรกรรมการลงทุนอีกด้วย
ในฐานะบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารเกียรตินาคินภัทร บริษัทจึงได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารในรูปของวงเงินสินเชื่อระยะยาวเพื่อเสริมสภาพคล่องของบริษัท ในขณะที่การที่บริษัทใช้ชื่อทางการค้าเดียวกับธนาคารเกียรตินาคินภัทรยังแสดงถึงความเชื่อมโยงที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มอีกด้วย
มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในธุรกิจตลาดทุน
การมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในสายงานที่หลากหลายในธุรกิจหลักทรัพย์ทรัพย์แสดงให้เห็นถึงบทบาทหน้าที่ที่สำคัญของบริษัทในการเป็นหน่วยธุรกิจที่ให้บริการด้านตลาดทุนซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในระยะยาวของกลุ่มอย่างแท้จริง
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีอันดับเป็นที่ 6 ในบรรดาคู่แข่งเมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่บริษัทมีสัดส่วน 5% ในขณะที่รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจก็ยังคงแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งระบุว่าบริษัทมีอันดับเป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรมในช่วงเวลา 6 เดือนแรกของปี 2564 เมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งรายได้โดยเกิดจากการที่บริษัทมีความร่วมมือกับธุรกิจลูกค้าบรรษัทของธนาคารเกียรตินาคินภัทรและการมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจวาณิชธนกิจของบริษัท
ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของบริษัทก็มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีลูกค้าที่ได้รับการแนะนำมาจากธนาคารเกียรตินาคินภัทรเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การแนะนำลูกค้าเพิ่มขึ้น 23% มาอยู่ที่ระดับ 7.3 แสนล้านบาทจาก 6 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2563
ผลการดำเนินงานทางการเงินมีความเข้มแข็งจากรายได้ค่าธรรมเนียม
ผลการดำเนินงานทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของบริษัทในการเป็นหน่วยธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้แก่กลุ่ม โดยในปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 46% จากปี 2563 อันเป็นผลจากการเติบโตของรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ตลอดจนค่าธรรมเนียมและบริการรวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ดี
ฐานรายได้ประจำจากค่าธรรมเนียมและบริการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 39% ของรายได้รวมในปี 2564 จาก 25% ในปี 2563 นั้นยังสะท้อนถึงการกระจายตัวทางธุรกิจของบริษัทอีกด้วย ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่องต่อไปโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความร่วมมือในการนำเสนอสินค้าและบริการตลอดจนการแนะนำลูกค้าระหว่างกันภายในกลุ่ม
การบริหารความเสี่ยงมีความสอดคล้องกับกลุ่ม
บริษัทยังคงปฏิบัติตามนโยบายการบริหารความเสี่ยงของธนาคารเกียรตินาคินซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยนโยบายและการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ของบริษัทนั้นได้รับการควบคุมดูแลโดยคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของกลุ่มซึ่งเป็นแรงสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในระดับสูงกับกลุ่ม ในขณะที่การปฏิบัติในส่วนของแนวทางด้านความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์นั้นบริษัทก็ดำเนินตามนโยบายของกลุ่มซึ่งมีกลยุทธ์จำกัดการลงทุนให้อยู่ในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ (เช่น กลยุทธ์การซื้อขายหลักทรัพย์แบบหากำไรจากความต่างกันของราคาหรือ Arbitrage ที่ไม่ผันผวนไปตามความเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวม) เพื่อที่จะควบคุมความเสี่ยงจากการลงทุนและการซื้อขายหลักทรัพย์
ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากธนาคารเกียรตินาคินภัทรอย่างต่อเนื่อง
ทริสเรทติ้งเชื่อว่าธนาคารเกียรตินาคินมีแนวโน้มที่จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทอย่างทันเวลาในยามจำเป็น โดยวงเงินสินเชื่อจำนวนมากที่บริษัทได้รับอย่างต่อเนื่องจากธนาคารเกียรตินาคินภัทรยังช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินเพื่อการดำเนินงานให้แก่บริษัท และนอกเหนือจากวงเงินสินเชื่อจากธนาคารเกียรตินาคินภัทรแล้ว บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่น ๆ อีกด้วย โดย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2565 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อทั้งสิ้นจำนวน 4 พันล้านบาทซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับใช้เป็นทุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทและรองรับภาวะการขาดสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นได้
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งอยู่บนความคาดหมายที่บริษัทจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทลูกหลักของธนาคารเกียรตินาคินภัทรต่อไป
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะในการเป็นบริษัทลูกหลักของธนาคารเกียรตินาคินภัทรและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่อย่างต่อเนื่องต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกับและเป็นไปในทิศทางเดียวกับอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารเกียรตินาคินภัทร หากทริสเรทติ้งเห็นว่าสถานะที่บริษัทมีต่อกลุ่มนั้นอ่อนแอลงก็อาจส่งผลต่อการปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทได้
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKPS)
อันดับเครดิตองค์กร: A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable