ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) ที่ระดับ ?A+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทและหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?A+? ด้วยเช่นกัน สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้ของบริษัท รวมทั้งนำไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มขึ้นสองระดับจากอันดับเครดิตเฉพาะ (Standalone Credit Profile -- SACP) ของบริษัทที่ ?a-? ซึ่งสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในฐานะเป็นบริษัทย่อยหลักของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ ?A+/Stable? โดยทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่หลากหลาย คุณภาพของสินทรัพย์โรงไฟฟ้า และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นในช่วงขยายกำลังการผลิต
ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้ 3.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 1.9 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2564 รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นผลมาจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Temple I ที่บริษัทซื้อกิจการมาในช่วงปลายปี 2564 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.1 พันล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 8.3% สำหรับงวด 3 เดือนแรกของปี 2565 จาก 24.7% ในช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูงและจะยังคงกดดันกำไรของบริษัทอย่างต่อเนื่องในปี 2565
ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าราคาถ่านหินมีแนวโน้มจะลดลงและบริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นในปี 2566 นอกจากนี้ กลยุทธ์ของบริษัทที่เข้าไปจำหน่ายไฟฟ้าในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าในประเทศจีนจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรของบริษัท เนื่องจากราคาซื้อขายไฟฟ้าในตลาดกลางสามารถปรับราคาขายให้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนเชื้อเพลิงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้กำไรของบริษัทยังมาจากเงินปันผลที่ได้รับจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่งของบริษัท ซึ่งประกอบไปด้วยโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิม 4 แห่งและกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 หนี้สินตามงบการเงินรวมของบริษัทอยู่ที่ 2.14 หมื่นล้านบาท หนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนของบริษัทอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัทย่อยของบริษัท ดังนั้น อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้ทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 5%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของ BANPU และยังคงมีความสำคัญในฐานะบริษัทย่อยที่สำคัญในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของ BANPU
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทย่อยหลักของ BANPU อันดับเครดิตของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับอันดับเครดิตของ BANPU ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดกับอันดับเครดิตของบริษัทแม่ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงมุมมองของทริสเรทติ้งต่อความสำคัญของบริษัทที่มีต่อกลุ่มอาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของบริษัทได้เช่นกัน
อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากขึ้นและภาระหนี้เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลง หากสถานะทางการเงินของบริษัทถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าด้อยกว่าประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ หรือโครงสร้างเงินทุนอ่อนแอลงอย่างมากซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนด้วยการก่อหนี้จำนวนมาก
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท และหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 12 ปี A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable