ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวเป็นไปตามอันดับเครดิตของบริษัทแม่คือ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (ได้รับการจัดอันดับเครดิต ?A/Stable? จากทริสเรทติ้ง) ซึ่งบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกหลัก (Core Subsidiary) ของบริษัทดังกล่าว ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1.5 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?A? ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้นี้ไปใช้เป็นเงินลงทุนตามแผนงาน
ทริสเรทติ้งยังคงประเมินอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile) ของบริษัทให้อยู่ที่ระดับ ?a? ซึ่งสะท้อนถึงผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทในปี 2564 โดยสอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีฐานะเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ซึ่งหมายความว่าอันดับเครดิตของบริษัทนั้นอยู่ในระดับเท่ากับอันดับเครดิตของบริษัทแม่ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ? (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ สถานะในการเป็นบริษัทย่อยหลักสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของบริษัททั้งสองในฐานะบริษัทแม่และบริษัทลูก
รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 หดตัวลง 54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ถุงมือยางปรับตัวลดลง โดยบริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลงถึง 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ที่ระดับ 1.6 พันล้านบาท บริษัทรายงานผลกำไรสุทธิในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 ที่ระดับ 1.1 พันล้านบาทจาก 1.01 หมื่นล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อไปแม้จะมีความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมถุงมือยางในอนาคตก็ตาม
ทั้งนี้ บริษัทมีกลยุทธ์ที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงและผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เช่น ถุงมือผ่าตัดและถุงมือยางสำหรับการตรวจโรคที่มีคุณสมบัติป้องกันการแพ้โปรตีน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทในปี 2565 จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและจะเติบโตที่ระดับ 8%-22% ในระหว่างปี 2566-2567 เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของถุงมือยางในปี 2565 จะปรับตัวลดลง 55% เมื่อเทียบกับปีก่อนและหลังจากนั้นจะคงที่ในระหว่างปี 2566-2567 ซึ่งราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงนั้นเกิดจากการขยายกำลังการผลิตจากผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่ในอุตสาหกรรมถุงมือยางเป็นหลัก ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 20%-23% ในระหว่างปี 2565-2567
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทศรีตรังแอโกรอินดัสทรีซึ่งเป็นบริษัทแม่ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมถุงมือยางเอาไว้ได้โดยที่บริษัทจะสามารถบริหารความเสี่ยงทั้งที่เกิดจากต้นทุนวัตถุดิบ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างระมัดระวัง อีกทั้งจะยังคงรักษาสภาพคล่องไว้ให้เพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากความผันผวนของราคายางธรรมชาติได้ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทศรีตรังแอโกรอินดัสทรีจะยังคงอยู่ต่อไปไม่เปลี่ยนแปลงในอนาคตข้างหน้า
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับอันดับเครดิตของบริษัทศรีตรังแอโกรอินดัสทรี อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถรักษาเสถียรภาพในการสร้างกระแสเงินสดและความสามารถในการทำกำไรเอาไว้ได้ในขณะที่ยังคงรักษางบดุลให้แข็งแรงต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (STGT)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปี A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable