ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงรายได้ประจำจำนวนมากของบริษัทจากค่าเช่าคลังสินค้าภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของบริษัทยังมีข้อจำกัดจากการที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าของบริษัทมีขนาดเล็กและตั้งอยู่ในพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตของบริษัทอีกด้วย
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
การขายกิจการสื่อโฆษณานอกบ้านออกไปทำให้โครงสร้างเงินทุนแข็งแกร่งมากขึ้น
บริษัทได้ประกาศแผนการขายหุ้นสามัญของบริษัทในธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยให้แก่ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2565 โดยธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่า 2.88 พันล้านบาท ในการนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นดังกล่าวไปชำระคืนหนี้ที่มีอยู่รวมทั้งใช้เป็นเงินสำรองสำหรับการลงทุนในอนาคตและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2565 บริษัทยังได้ซื้อหุ้นสามัญในบริษัทแพลน บี มีเดีย ในสัดส่วน 1.96% รวมเป็นมูลค่า 606.48 ล้านบาทอีกด้วย ทั้งนี้ ภายหลังการทำธุรกรรมดังกล่าว บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า รวมถึงการลงทุนในธุรกิจกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลทั่วไปผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน (Peer-to-Peer Lending) ตลอดจนธุรกิจพลังงาน ธุรกิจสิ่งพิมพ์ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ต่อไป
ทริสเรทติ้งคาดว่าการขายกิจการธุรกิจสื่อโฆษณาออกไปจะทำให้รายได้รวมของบริษัทลดลง 63% มาอยู่ที่ระดับ 304 ล้านบาทในปี 2565 และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับ 333 ล้านบาท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทมีแนวโน้มจะอยู่ที่ระดับประมาณ 6% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วจะอยู่ต่ำกว่าระดับ 2 เท่าในช่วงระหว่างปี 2565-2567
รายได้ประจำช่วยทำให้อัตรากำไรและกระแสเงินสดมีเสถียรภาพ
บริษัทมีรายได้ประจำจากการให้บริการพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์อีกทั้งยังมีส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 39.6% ใน บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ?BBB-/Stable? จากทริสเรทติ้ง) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรตลอดจนธุรกิจพลังงานด้วย
รายได้ประจำช่วยทำให้อัตรากำไรและกระแสเงินสดของบริษัทมีเสถียรภาพ ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดจากสัญญาเช่าระยะยาวในธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ทั้งสิ้นประมาณ 300 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 โดยรายได้ค่าเช่าคาดว่าจะคงที่ตามอัตราค่าเช่าในสัญญา ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าน่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 90% ในระหว่างปี 2565-2567 และจากการที่บริษัทอีสเทอร์น
พาวเวอร์ กรุ๊ป มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่ค่อนข้างมั่นคงกับหน่วยงานสาธารณูปโภคภาครัฐหลายแห่งและผู้ซื้อไฟฟ้าภาคเอกชนหลายราย ทริสเรทติ้งจึงประมาณการว่าบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทอีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป ที่ประมาณปีละ 90-120 ล้านบาทในระหว่างปี 2565-2567
ภาระหนี้อยู่ในระดับปานกลาง
ระดับภาระหนี้ของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 34.9% ณ สิ้นปี 2564 และ 28.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 จากเดิมที่ระดับ 39.1% ในปี 2563 ซึ่งเกิดจากการเพิ่มทุนในช่วงปลายปี 2564
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนและเงินลงทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1 พันล้านบาทในปี 2565 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในธุรกิจกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลทั่วไปฯ และการซื้อหุ้นในบริษัทแพลน บี มีเดีย นอกจากนี้ งบลงทุนของบริษัทในระหว่างปี 2566-2567 ก็คาดว่าจะมีจำกัด ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6% ในระหว่างปี 2566-2567
ภาระหนี้ส่วนใหญ่ของบริษัทประกอบด้วยเงินกู้ยืมที่มีหลักประกันจากธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2565 อัตราส่วนของหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้สินรวมของบริษัทอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่า 50% ซึ่งบ่งบอกถึงความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญของการด้อยสิทธิ์ของภาระหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้? ของทริสเรทติ้ง
กระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
ทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วง 12 เดือนข้างหน้าบริษัทจะมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดชำระคงค้างจำนวน 862 ล้านบาท ในการนี้ บริษัทได้มีการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อชำระหนี้หุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในปี 2565 จำนวน 453 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว
ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 120-170 ล้านบาทในช่วงระยะเวลาเดียวกัน บริษัทมีสภาพคล่องที่ยอมรับได้โดยบริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 396 ล้านบาทและมีเงินคงเหลือที่ได้จากการขายกิจการธุรกิจสื่อโฆษณาอีกจำนวน 964 ล้านบาท ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 32%-34% ในช่วงปี 2565-2567 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 2.5-3 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
? รายได้จะลดลง 63% ในปี 2565 และจะเติบโตที่ระดับประมาณ 4%-18% ต่อปีในระหว่างปี 2566-2567
? อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ที่ระดับเกินกว่า 60% ต่อปี
? ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมจะอยู่ที่ระดับ 1 พันล้านบาทในปี 2565 และจะมีจำกัดในช่วงปี 2566-2567
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีรายได้ประจำจากค่าเช่าคลังสินค้าภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือรายหนึ่งต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ความสามารถในการทำกำไรหรือผลการดำเนินงานของบริษัทถดถอยลงอย่างมีสาระสำคัญ นอกจากนี้ การลงทุนที่ใช้เงินกู้ยืมจำนวนมากที่อาจทำให้งบการเงินและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงก็จะเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้ภายใต้สถานการณ์ที่กระแสเงินสดของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นและมีเสถียรภาพอย่างมีนัยสำคัญในระยะเวลาที่ต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AQUA)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable