ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาทของ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ส่วนอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดเดิมของบริษัทนั้นยังคงอยู่ที่ระดับ ?A-? ในขณะที่อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนของบริษัทยังคงอยู่ที่ระดับ ?BBB? พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? เช่นเดิม
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทจากการมีความยืดหยุ่นในการดำเนินงานโรงกลั่นน้ำมัน รวมถึงประโยชน์จากการมีบูรณาการระหว่างธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและธุรกิจการตลาด การมีธุรกิจที่หลากหลาย และสถานะทางการตลาดที่มั่นคงในธุรกิจการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Marketing Business) ของบริษัท แต่ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของค่าการกลั่น (Gross Refinery Margin ? GRM) และราคาน้ำมันตลอดจนแรงกดดันที่มีต่อค่าการตลาด นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังได้รับผลกระทบจากแผนการลงทุนที่อาจจะทำให้บริษัทมีภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีผลการดำเนินงานดีกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ โดยบริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 175% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 2.37 หมื่นล้านบาท ซึ่ง EBITDA ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนั้นเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการรวมผลการดำเนินงานของ OKEA ASA (OKEA) เข้ามาตั้งแต่เมื่อช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดยผลการดำเนินงานของ OKEA คิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 32% ของ EBITDA ของบริษัท หรือคิดเป็น 7.8 พันล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565
ณ เดือนมิถุนายน 2565 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 1.6 เท่า (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) เนื่องจากการมี EBITDA ที่สูงเกินกว่าคาดประกอบกับการมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประมาณการ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีภาระหนี้สินทางการเงินเพิ่มขึ้นจากแผนการใช้จ่ายและลงทุนของบริษัท ในการนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าการขายเงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซียมูลค่า 440 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.46 หมื่นล้านบาทนั้นน่าจะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้แก่โครงสร้างเงินทุนของบริษัทได้ในช่วงการขยายธุรกิจ
ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีภาระหนี้รวมอยู่ที่ระดับ 8.33 หมื่นล้านบาท (รวมหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน) โดยหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนประกอบด้วยหนี้ที่มีหลักประกันมูลค่า 1.87 หมื่นล้านบาทและหนี้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทย่อยมูลค่า 2.01 หมื่นล้านบาท ดังนั้น อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้ทั้งหมดของบริษัทจึงอยู่ที่ระดับ 46.6%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและธุรกิจการตลาดของบริษัทเอาไว้ได้ต่อไป ในขณะที่การขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้นก็คาดว่าจะช่วยให้บริษัทมีผลกำไรที่สูงขึ้นและสามารถคาดการณ์ได้อีกด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอจากความพยายามในการสร้างความหลากหลายในการลงทุนโดยที่ไม่ทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยที่มีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้อย่างมีนัยสำคัญ หรือโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากซึ่งอาจเกิดจากการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องมีการก่อหนี้ หรือบริษัทประสบผลขาดทุนอย่างมากจากการลงทุนจนทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 8 เท่าเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Securities), 28 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BCP238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
BCP23NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
BCP244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
BCP258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
BCP26NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-
BCP273A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-
BCP275A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-
BCP28DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-
BCP29NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A-
BCP303A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A-
BCP305A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A-
BCP31NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A-
BCP19PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 10,000 ล้านบาท BBB
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 15 ปี A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 15 ปี A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable