ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมทั้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6.5 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปี ซึ่งรวมหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) จำนวน 1.5 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?A? ด้วยเช่นกัน อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2565 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์ที่จะเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็นไม่เกิน 6.5 พันล้านบาท จากเดิมไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหนี้และใช้ในการดำเนินกิจการ
อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นมา 1 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile ? SACP) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ ?a-? โดยการยกระดับสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานะของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทลูกเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?AAA/Stable? จากทริสเรทติ้ง) ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้บริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาต่อไป
อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในการเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและธุรกิจนายหน้าประกันภัย นอกจากนี้ บริษัทยังมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีจากการมีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวัง รวมถึงมีแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพออีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดในระดับหนึ่งจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค
ผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งแรกของปี 2565 เป็นไปในทิศทางที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ระดับ 7.07 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสก่อน เป็นการเติบโตที่มากกว่าสมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง บริษัทมีรายได้สุทธิอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้นจากการที่สินเชื่อขยายตัวเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีรายได้เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่ปรับตัวสูงขึ้น และมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง ทริสเรทติ้งเริ่มเห็นการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตที่เกิดขึ้นใหม่ใน 2 ไตรมาสที่ผ่านมาเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับผู้ประกอบการรายอื่น อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวมของบริษัทนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.39% ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 จาก 1.19% ณ สิ้นปี 2564 ทริสเรทติ้งคาดว่าแรงกดดันจากหนี้เสียจะส่งผลต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ ภาวะเงินเฟ้อที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น และการสิ้นสุดโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งนี้ อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นที่ 270% ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2565
ฐานทุนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่เข้มแข็งและเป็นปัจจัยด้านบวกสำหรับอันดับเครดิต ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงมาอยู่ที่ระดับ 32.9% จากระดับ 35.8% ณ สิ้นปี 2564 เป็นผลจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของสินเชื่อ ความสามารถในการสร้างกำไรของบริษัทนั้นพิจารณาจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 7.1% (ปรับเป็นตัวเลขเต็มปี) ในครึ่งแรกของปี 2565 เทียบกับ 6.9% ในปี 2564 ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการสร้างกำไรของบริษัทจะได้รับแรงกดดันจากอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวมที่อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนและภาวะเงินเฟ้อที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแรงกดดัน ทริสเรทติ้งยังมองว่าแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวังขององค์กรจะทำให้บริษัทสามารถคงอันดับเครดิตปัจจุบันไว้ได้จากความสามารถในการสร้างกำไรที่ดีและฐานทุนที่แข็งแกร่ง
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาฐานทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและรักษาสถานะผู้นำในตลาดสินเชื่อทะเบียนรถเอาไว้ได้ในขณะที่ยังคงมีผลประกอบการทางการเงินที่น่าพึงพอใจต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้อีกด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นโดยการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางการตลาดอย่างต่อเนื่องในขณะที่ยังสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรงและผลประกอบการทางการเงินที่ดีเอาไว้ได้ในเวลาเดียวกัน ในทางกลับกัน การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะทางการแข่งขันหรือคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงต่ำกว่าระดับ 25%
นอกจากนี้ หากมุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสำคัญก็อาจเป็นสาเหตุให้มีการทบทวนอันดับเครดิตเพื่อสะท้อนมุมมองดังกล่าวอีกด้วย
?
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (TIDLOR)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TIDLOR22DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A
TIDLOR234A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A
TIDLOR234C: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A
TIDLOR236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A
TIDLOR238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A
TIDLOR244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A
TIDLOR244B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,850 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A
TIDLOR247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 6,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปี A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable