ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB+? และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันที่ระดับ ?BBB? พร้อมทั้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี ซึ่งรวมหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) จำนวน 1.5 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?BBB? ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคงอยู่ที่ ?Stable? หรือ ?คงที่? ทั้งนี้ อันดับเครดิตหุ้นกู้อยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรสะท้อนถึงความด้อยกว่าในเชิงโครงสร้างของภาระหนี้ของเงินกู้ยืมไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทเมื่อเทียบกับสิทธิเรียกร้องในการชำระคืนหนี้ของบริษัทย่อยต่าง ๆ ของบริษัท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหนี้และใช้ในการดำเนินกิจการ
อันดับเครดิตองค์กรสะท้อนถึงระดับการก่อหนี้ที่ดีขึ้นจากฐานทุนที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ตลอดจนผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทซึ่งมีแรงผลักดันจากความเข้มแข็งในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของบริษัทลูกหลักคือ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ?BBB+/Stable? จากทริสเรทติ้ง) รวมถึงสถานะทางการแข่งขันที่ค่อนข้างมั่นคงในธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท ในขณะที่อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตลอดจนการกระจุกตัวของแหล่งรายได้ และความไม่แน่นอนของกระแสเงินสดรับในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทอีกด้วย
ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งแรกของปี 2565 เป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งคาดหมายไว้ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.05 พันล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ผลประกอบการที่แข็งแรงนั้นได้รับอานิสงส์มาจากผลประกอบการของบริษัทเจเอ็มที
เน็ทเวอร์คฯ ที่ยังคงเข้มแข็งเป็นหลัก โดยบริษัทลูกดังกล่าวมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 800 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้น 39.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทร่วมคือ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิตอยู่ที่ ?BBB/Stable?) ก็ทำได้ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงจากการเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา ในครึ่งแรกของปี 2565 กำไรสุทธิของบริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยอยู่ที่ 481 ล้านบาท บริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัทซิงเกอร์ประเทศไทยเป็นจำนวน 115 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2565
ผลประกอบการของ บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการร่วมมือภายในกลุ่มผ่านทางเครือข่ายของบริษัทซิงเกอร์ประเทศไทย และการให้บริการสินเชื่อเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่รายย่อย บริษัทเจมาร์ท โมบายมีแผนจะเปิดสาขาใหม่จำนวน 61 สาขาในครึ่งหลังของปี 2565 ซึ่งจะทำให้บริษัท เจมาร์ท โมบายมีสาขารวมทั้งหมด 370 สาขา ณ สิ้นปี 2565 รายได้ของ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ในครึ่งแรกของปี 2565 เริ่มปรับตัวดีขึ้นจากการปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Junction) ที่ไม่สร้างกำไร และการรับรู้รายได้ของ JAS Green Village Kubon ศูนย์การค้าชุมชน (Community Mall) ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทเจเอเอส แอสเซ็ทที่เริ่มให้บริการตั้งแต่กลางปี 2564 โดย
ทริสเรทติ้งมองว่ารายได้ของบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นจากแผนการเปิดให้บริการโครงการ Senera Senior Living ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 และการเปิด Community Mall แห่งใหม่สองแห่งภายในปี 2566
บริษัทมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในหลายบริษัทในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือ โดยมีการลงทุน 24.99% ใน บริษัท เจดี กรุ๊ป จำกัด ซึ่งจำหน่ายสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ในหัวเมืองใหญ่ และลงทุน 40.1% ใน บริษัท เจจีเอส ซินเนอรจี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับพลังงานทดแทนรวมไปถึงแผงโซล่าเซลล์ และแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนการลงทุนอื่น ๆ ที่บริษัทเพิ่งมีการประกาศไปโดยบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยได้แก่ บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีอาร์ทีอาร์ จำกัด ทริสเรทติ้งมองว่าการลงทุนทั้งหมดต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อนที่จะสามารถสร้างรายได้ที่มีนัยสำคัญต่อบริษัท
ณ ครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทมีหนี้สินที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน (Priority Debt) อยู่ที่ 51.3% ลดลงจาก 64% ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งสูงกว่าระดับ 50% ตามที่กำหนดไว้ในการจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ของทริสเรทติ้ง ทำให้มีการจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้อยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรหนึ่งขั้นซึ่งสะท้อนถึงความด้อยกว่าในเชิงโครงสร้างของภาระหนี้ของเงินกู้ยืมไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทเมื่อเทียบกับสิทธิเรียกร้องในการชำระคืนหนี้ของบริษัทย่อยต่าง ๆ ของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? อยู่บนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทเจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็สจะสามารถรักษาระดับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพเอาไว้ได้ต่อไป ในขณะที่สถานะในการแข่งขันในธุรกิจจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่จะยังคงเดิม โดยรักษาการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทลูกรายอื่น ๆ จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตนั้นอาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทเจมาร์ทสามารถยกระดับสถานะความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลูกต่าง ๆ เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งยังคงรักษาระดับหนี้ในระดับที่เหมาะสมไว้ได้ ในขณะที่ความกดดันทางด้านลบต่ออันดับเครดิตจะเกิดขึ้นจากผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญทั้งในส่วนของบริษัทเองหรือในส่วนของบริษัทลูกต่าง ๆ หรือจากการลงทุนในเชิงรุกซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จนระดับอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่สูงเกินกว่า 3.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) (JMART)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
JMART239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB
JMART249A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable