ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาทซึ่งมีกำหนดไถ่ถอนภายใน
3 ปีของบริษัทที่ระดับ ?BBB? เช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้เป็นเงินทุนในการขยายกิจการ
อันดับเครดิตดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานการพิจารณาอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท (Stand-alone Credit Profile ? SACP) ซึ่งอยู่ที่ระดับ ?bbb-? และอันดับเครดิตของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอีก 1 ขั้นจากสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับสูง (Highly Strategic) ของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ?BBB+/Stable? จาก
ทริสเรทติ้ง) ทั้งนี้ จากการมีสถานะที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับสูง อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทจึงได้รับการปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 1 ขั้น
อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงแบรนด์สินค้าของบริษัทเป็นที่ยอมรับมากขึ้นและรายได้ในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่เติบโตขึ้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีประวัติผลงานที่สั้น รวมถึงมีประเภทสินค้าที่จำกัด และมีภาระหนี้ที่สูง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับภาระหนี้ภาคครัวเรือนของประเทศที่อยู่ในระดับสูงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางอีกด้วย
รายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นถึง 54.4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนมาอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาทและคิดเป็น 55% ของประมาณการเต็มปีของทริสเรทติ้ง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 อยู่ที่ระดับ 27.9% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับ 20%-24% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและสูงกว่าประมาณการของทริสเรทติ้งที่ระดับ 22.5% อีกด้วย บริษัทมี EBITDA และเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 อยู่ที่ 808 ล้านบาทและ 572 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ยอดขายอสังหาริมทรัพย์รอโอน ณ เดือนมิถุนายน 2565 ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาทและคาดว่าจะส่งมอบยอดขายทั้งหมดได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 45% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ลดลงจากระดับ 53% ณ สิ้นปี 2564 อย่างไรก็ตาม จากแผนการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากของบริษัท ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 55%-57% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดสิทธิหุ้นกู้นั้น บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนให้ต่ำกว่า 2.5 เท่า โดย ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.83 เท่า ทริสเรทติ้งจึงเชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องกับเงื่อนไขทางการเงินของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ได้
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยแหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 579 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ 1 พันล้านบาท ในขณะที่ภาระหนี้ที่บริษัทจะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้านั้นประกอบด้วยเงินกู้โครงการจำนวน 1.3 พันล้านบาทและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ อีกจำนวน 2.5 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะจ่ายชำระหนี้เงินกู้โครงการด้วยกระแสเงินสดจากการโอนโครงการที่อยู่อาศัย ในขณะที่เงินกู้ยืมระยะสั้นจากบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ นั้นอยู่ในรูปของสัญญากู้ยืมเงินที่ไม่มีหลักประกันซึ่งมีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถาม
ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ระดับ 38.4% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50% ตามเกณฑ์ของทริสเรทติ้งที่มีการปรับลดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะคงสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับสูงของบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ต่อไป และแม้จะมีแผนขยายธุรกิจในเชิงรุก ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่ดีรวมทั้งยังรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้ต่ำกว่าระดับ 60% และคงอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินเอาไว้ที่ระดับ 10%-15% ต่อไปได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
จากสถานะในปัจจุบันของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับสูงของบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ดังนั้น อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทจึงอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ได้รับการปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้หากสถานะของบริษัทที่มีต่อบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีการเปลี่ยนแปลง
?
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) (BRI)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปี BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable