ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์” ที่ “AA-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 23, 2022 09:08 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?AA-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทยของบริษัท ตลอดจนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเงินทุนหมุนเวียนที่มีการบริหารจัดการเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงจากวงจรที่มีลักษณะขึ้นลงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย รวมถึงความกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง และภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยที่เติบโตช้าลง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ยอดขายจากสาขาเดิมค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น

ยอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 3.5% ในปี 2564 หลังจากที่หดตัวติดลบ 8.5% ในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ยอดขายจากสาขาเดิมเติบโตเพียง 1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นไปตามภาวะการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูงในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด

ทริสเรทติ้งคาดว่าอุปสงค์ภายในประเทศจะฟื้นตัวจากสภาพเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของไทยจะเติบโตที่ระดับ 3%-4% ในระหว่างปี 2565-2567 จากระดับ 1.5% ในปี 2564 ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 4%-5% ในช่วงระหว่างปี 2565-2567 และคาดว่าสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมของบริษัทน่าจะยังคงมีแนวโน้มที่สามารถควบคุมได้และอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 20% ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน

ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น

อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25.8% ในปี 2564 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 25.3% ในปี 2563 บริษัทมีกลยุทธ์ที่จะเน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงมากยิ่งขึ้น โดยรายได้จากกลุ่มสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทและสินค้านำเข้าซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่านั้นมีสัดส่วนคิดเป็น 19.5% ของยอดขายรวมของบริษัทในปี 2564 ในการนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนของสินค้าในกลุ่มนี้ให้อยู่ที่ระดับ 20%-20.5% ของยอดขายในปี 2565 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 4% โดยอยู่ที่ระดับ 1.03 หมื่นล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 5.4 พันล้านบาทในปี 2564 เมื่อเทียบกับระดับ 5.2 พันล้านบาทในปี 2563

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 รายได้จากการดำเนินการรวมของบริษัทเติบโตที่ระดับ 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย EBITDA ปรับตัวดีขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 5.9 พันล้านบาท และบริษัทรายงานผลกำไรสุทธิที่ระดับ 3 พันล้านบาทโดยเปรียบเทียบกับระดับ 2.8 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้รวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 15%-17% ในช่วงปี 2565-2567

ภาระหนี้มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำ

อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินรวมต่อเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 41.2% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 จากระดับ 39.8% ณ สิ้นปี 2564 เนื่องจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนและภาระหนี้สินจากสัญญาเช่าทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาในทุกรูปแบบที่จำนวน 5-7 แห่งต่อปีในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เปิดเพียง 1-2 แห่งต่อปีในช่วงระหว่างปี 2563-2564 ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบค่าใช้จ่ายลงทุนไว้ที่จำนวนทั้งสิ้น 6 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.4-1.6 เท่าในระหว่างปี 2565-2567 อันเป็นผลเนื่องมาจาก EBITDA ที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลังจากสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) เป็นหลัก

มีสภาพคล่องที่ดี

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาสภาพคล่องที่ดีเอาไว้ได้ต่อไปในช่วงระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีกำหนดการที่จะต้องชำระหนี้ที่จำนวน 3.2-5.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567 โดยทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานว่าบริษัทจะมี EBITDA อยู่ที่ระดับ 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปี โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นอยู่ที่จำนวน 4.2 พันล้านบาท

มีสถานะเป็นผู้นำทางการตลาดในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้าน

บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากยอดขายรวมที่อยู่ในอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมมายาวนานมากกว่าทศวรรษ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมทั้ง 6 ราย ได้แก่ ?โฮมโปร? ?ซีอาร์ซี ไทวัสดุ? ?สยามโกลบอลเฮ้าส์? ?ดูโฮม? ?บุญถาวร? และ ?อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์?

รายได้รวมจากยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 6 หมื่นล้านบาทในปี 2564 จาก 2.84 หมื่นล้านบาทในปี 2554 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีที่ระดับ 8% ทั้งนี้ บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีอัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้รวมของบริษัทอยู่ในช่วงระหว่าง 15%-17% ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าสูงกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรมที่มีอัตรากำไรโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9%-10%

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 4%-5% ในระหว่างปี 2565-2567

? อัตรากำไรขั้นต้นและอัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้รวมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 25% และ 15%-17% ตามลำดับ

? ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567

? สมมติฐานอื่น ๆ จะเป็นไปตามแนวโน้มในอดีต

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทยได้ต่อไป อีกทั้งยังคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำแม้ว่าบริษัทจะมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องก็ตาม

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตมีโอกาสที่จะได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญในขณะที่ยังคงสามารถรักษาความแข็งแกร่งของงบการเงินเอาไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากบริษัทมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่อ่อนแอกว่าคาดหรือหากระดับภาระหนี้ของบริษัทสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากการขยายการลงทุนในเชิงรุกหรือการมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากก็ตาม

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HMPRO)

อันดับเครดิตองค์กร: AA-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

HMPRO257A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 AA-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ