ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)” ที่ “A” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน วงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท ที่ “A”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 20, 2022 16:54 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาทที่ระดับ ?A? ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ชำระคืนหนี้และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน

อันดับเครดิตองค์กรครอบคลุมการปรับเพิ่มขึ้นมา 3 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท (Stand-alone Credit Profile -- SACP) เพื่อสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ (Strategically Important) ของ Frasers Property Ltd. (FPL) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?AA-/Negative? จากทริสเรทติ้ง) ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าบริษัทจะยังคงสถานะการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ FPL และทำหน้าที่ลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยของ FPL ทั้งนี้ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทมีสัดส่วนประมาณ 16% ของ EBITDA ทั้งหมดของ FPL

SACP ที่ระดับ ?bbb? ของบริษัทสะท้อนถึงธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหลากหลาย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมเพื่อเช่าที่แข็งแรง การยอมรับในแบรนด์สินค้าบ้านจัดสรรที่เติบโตขึ้น และภาระหนี้ในระดับสูง อีกทั้ง อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทยังพิจารณาถึงความกังวลเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนในระดับสูงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยมีความท้าทาย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหลากหลาย

ในมุมมองของทริสเรทติ้ง ความหลากหลายของธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัท การซื้อกิจการของ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้

ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในปี 2562 ช่วยทำให้ธุรกิจของบริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยขยายไปยังธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ประเภทให้เช่า และธุรกิจโรงแรม ซึ่งก่อนการซื้อกิจการดังกล่าว ธุรกิจของบริษัทมีเพียงอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเท่านั้น

ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาทในช่วงปีการเงิน 2565-2567 โดยรายได้รวมจากการดำเนินงานคาดว่าจะทรงตัวในปีการเงิน 2565 อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในธุรกิจของบริษัทคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้ในช่วงปีการเงิน 2566-2567 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักด้วยสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมในอีก 3 ปีข้างหน้า ส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าและอาคารสำนักงานให้เช่าและธุรกิจโรงแรมจะมีสัดส่วนประมาณ 12% และ 6% ตามลำดับ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ของบริษัทจะอยู่ในระดับสูงกว่า 30% และอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ในระดับสูงกว่า 10% ในช่วงปีประมานการ

รายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายได้รับแรงกดดันจากสภาวะการดำเนินงานที่ท้าทาย

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนในระดับสูงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการและต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการเพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็บั่นทอนกำลังซื้อของผู้ต้องการซื้อบ้านลง ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายของบริษัทจะทรงตัวในปีการเงิน 2565 และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่ 6%-10% ต่อปีในอีก 2 ปีต่อมาด้วยรายได้ที่ระดับ 1.1-1.3 หมื่นล้านบาทสำหรับปีการเงิน 2565-2567

ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าบริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่มูลค่า 1.7-2.2 หมื่นล้านบาทต่อปี ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมียอดขายรอการส่งมอบที่ระดับ 1.9 พันล้านบาท โดยคาดว่าบริษัทจะรับรู้จำนวนทั้งหมดเป็นรายได้ในปีการเงิน 2565

ทริสเรทติ้งยังคาดอีกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับประมาณ 31%-32% จากระดับต่ำกว่า 30% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าจะยังคงแข็งแรง

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าอย่างต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า ประมาณการกรณีพื้นฐานของ

ทริสเรทติ้งตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าบริษัทจะก่อสร้างพื้นที่ให้เช่า 150,000-250,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ต่อปีในช่วงปีการเงิน 2565-2567 โดยประมาณ 90% ของพื้นที่ให้เช่าใหม่ดังกล่าวคาดว่าจะเป็นคลังสินค้าสั่งสร้าง ทริสเรทติ้งคาดว่าพื้นที่ให้เช่าของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.2-1.4 ล้านตร.ม. ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากประมาณ 1 ล้านตร.ม. ในช่วงปีการเงิน 2562-2563 โดยคาดว่าบริษัทจะลดจำนวนพื้นที่เช่าที่ขายให้แก่ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมเฟรเซอร์สพร็อพเพอร์ตี้ (FTREIT) ลงในช่วงปีประมาณการ ดังนั้น มูลค่าขายพื้นที่ให้เช่าดังกล่าวคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.0-1.7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 ลดลงจากระดับประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปีการเงิน 2562-2563

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราการเช่าคลังสินค้าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 80%-85% ด้วยพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 140,000-240,000 ตร.ม. ในช่วงปีการเงิน 2565-2567 การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าจากทั้งผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่ในตลาดจะยังคงเป็นปัจจัยท้าทายท่ามกลางอุปสงค์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน อัตราการเช่าของอาคารโรงงานคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 60%-70% ในอีก 3 ปีข้างหน้าด้วยพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 20,000-40,000 ตร.ม. ทั้งนี้ ธุรกิจอาคารโรงงานให้เช่าคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากการย้ายฐานการผลิตจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ค่าเช่าจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 1.7-2.1 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปีการเงิน 2565-2567 โดยสัดส่วนรายได้จากคลังสินค้าให้เช่าคาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้รวมจากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมในช่วงปีประมาณการ

ธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและความต้องการอาคารสำนักงานให้เช่าอาจหดตัวลง

ทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์ห้องพักโรงแรมและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางทั่วโลก ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 รายได้จากธุรกิจโรงแรมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 216 ล้านบาทจาก 119 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมแต่ละแห่งของบริษัทจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอีก 3 ปีข้างหน้าและกลับคืนสู่ระดับในช่วงก่อนเกิดภาวะโรคระบาดภายในปีการเงิน 2568 และทริสเรทติ้งคาดว่าค่าเช่าห้องโดยเฉลี่ยของแต่ละโรงแรมของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าในช่วงปีการเงิน 2562 โดยยังคงอยู่ที่ประมาณ 20%-30% ในอีก 2 ปีข้างหน้าแต่จะฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายในปีการเงิน 2568 ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 300-400 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่วงปีการเงิน 2565-2567 ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดภาวะโรคระบาดภายในปีการเงิน 2568

ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าของบริษัทจะยังคงได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากอุปสงค์ของพื้นที่สำนักงานที่ฝืดตัวจากรูปแบบการทำงานแบบผสมผสานระหว่างการทำงานจากสำนักงานและจากภายนอกสำนักงาน (Hybrid Working Model) นอกจากนี้ อุปทานที่คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดในช่วงปี 2566-2567 อาจส่งแรงกดดันต่ออัตราค่าเช่าสำนักงาน ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราค่าเช่าสำนักงานของอาคาร เอฟ วาย ไอ เซ็นเตอร์ จะทรงตัวในขณะที่อัตราการเช่าอาจปรับตัวลดลงแต่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 90% สำหรับช่วงปีประมาณการ รายได้ค่าเช่าจากอาคาร สีลม เอดจ์ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าแห่งใหม่ของบริษัทคาดว่าจะช่วยสนับสนุนฐานรายได้ค่าเช่าของบริษัทและมาทดแทนอาคารโกลเด้น แลนด์ บิลดิ้ง ที่สัญญาเช่าได้สิ้นสุดไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ทั้งนี้ ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากอาคารสำนักงานให้เช่าของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 500-600 ล้านบาทต่อปีในช่วงปีการเงิน 2565-2567

ภาระหนี้ในระดับสูง

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากคาดว่าบริษัทจะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและผลการดำเนินการจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงิน (รวมการค้ำประกันในภาระหนี้ของบริษัทร่วมค้า) ต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับประมาณ 60% โดยทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวของบริษัทจะทรงตัวอยู่ที่ระดับนี้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และมูลค่าการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ที่เป็นแหล่งเงินทุนคาดว่าจะลดลงอีกด้วย ดังนั้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 10-11 เท่าในช่วงปีการเงิน 2565-2567 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 6% ในช่วงปีประมานการ โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าเงินลงทุนในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.8-1 หมื่นล้านบาทต่อปี ในขณะที่เงินลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2.5-3.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปีประมาณการ

ตามเงื่อนไขทางการเงินของหุ้นกู้ที่กำหนดให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อทุนอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3 เท่านั้น ณ เดือนมิถุนายน 2565 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 1.4 เท่า ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องกับเงื่อนไขดังกล่าวต่อไปได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมที่ระดับ 30% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2022

สภาพคล่องเพียงพอ

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอในอีก 12 เดือนข้างหน้า ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง

12 เดือนข้างหน้าจำนวน 2.13 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้จำนวน 1.13 หมื่นล้านบาท เงินกู้ระยะสั้นจำนวน 8.6 พันล้านบาท เงินกู้ระยะยาวโครงการจำนวน 1.2 พันล้านบาทและหนี้สินตามสัญญาเช่าจำนวน 0.2 พันล้านบาท ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2565 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบไปด้วยเงินสดในมือจำนวน 1 พันล้านบาท วงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่สามารถยกเลิกได้จำนวน 5.4 พันล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้และสามารถยกเลิกได้จำนวน 3.3 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินเปล่าที่ปลอดภาระค้ำประกันมูลค่าตามบัญชีจำนวน 1.16 หมื่นล้านบาท และสินค้าที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเหลือขายในโครงการที่ปลอดภาระหนี้ของบริษัทซึ่งมีมูลค่าขายอีกจำนวน 3.5 พันล้านบาท อีกทั้งยังคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3.1-3.5 พันล้านบาทต่อปีอีกด้วย

?

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานที่สำคัญ ๆ ของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปีการเงิน 2565-2567 มีดังนี้

? บริษัทจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่มูลค่า 1.7-2.2 หมื่นล้านบาทต่อปี

? งบประมาณในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคาดว่าจะอยู่ที่ 3.5-5 พันล้านบาท

? เงินลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมคาดว่าจะอยู่ที่ 2.5-3.5 พันล้านบาทต่อปี

? เงินลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์คาดว่าจะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาทการเงิน 2565 และที่ระดับประมาณ 200 ล้านบาทในปีการเงิน 2566

? รายได้จากการดำเนินงานรวมคาดว่าจะอยู่ในช่วง 1.5-1.8 หมื่นล้านบาทต่อปี

? EBITDA Margin จะสูงเกินกว่า 30% และอัตรากำไรสุทธิจะสูงเกินกว่า 10%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดและผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินให้สูงเกินกว่า 5% นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ FPL ต่อไปด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทอาจเกิดขึ้นในกรณีที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าการคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญและ/หรือสถานะทางการเงินปรับตัวดีขึ้นด้วยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินที่ระดับประมาณ 10% อย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะลดลงต่ำกว่า 5% ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งจากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงหรือจากการที่บริษัทขยายธุรกิจเชิงรุกโดยใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับ FPL ที่เปลี่ยนแปลงไปก็อาจจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทได้เช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Securities), 28 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (FPT)

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TICON233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

TICON235A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

TICON238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

TICON283A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A

FPT231A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

FPT237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

FPT242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A

FPT251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A

FPT256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A

FPT271A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A

FPT275A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A

FPT276A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A

FPT292A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A

FPT301A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A

FPT305A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปี A

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ