ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทและไถ่ถอนภายใน 3 ปีของบริษัทที่ระดับ ?A-? ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเดือนพฤศจิกายน 2565 บางส่วน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ถดถอยลงตลอดจนสถานะทางการตลาดของบริษัทในกลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรรที่อ่อนแอลง ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความหลากหลายของสินค้า ตลอดจนรายได้เงินปันผลที่สม่ำเสมอจากการลงทุนในบริษัทร่วม และการบริหารการเงินที่ระมัดระวังของบริษัท นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับระดับหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจกระทบต่อกำลังซื้อของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางในขณะเดียวกันก็เพิ่มภาระต้นทุนในการพัฒนาโครงการและต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการให้สูงมากขึ้นอีกด้วย
รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ระดับ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นไปตามประมาณการของทริสเรทติ้ง ซึ่งสาเหตุหลักเนื่องมาจากการเติบโตของยอดขายที่อยู่อาศัยและการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทสูงกว่าการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งอันเนื่องมาจากอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทที่ดีขึ้นจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ระดับ 2.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ของเป้าหมายทั้งปีที่คาดการณ์โดยทริสเรทติ้ง
ณ เดือนกันยายน 2565 บริษัทมีโครงการทั้งสิ้นจำนวน 70 แห่งซึ่งประกอบด้วยโครงการแนวราบ 56 แห่งและคอนโดมิเนียม 14 แห่ง โดยมูลค่าเหลือขายของที่อยู่อาศัยในโครงการเหล่านี้ (รวมทั้งที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 4.02 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีโครงการแนวราบคิดเป็นสัดส่วน 71% ของมูลค่าเหลือขายทั้งหมดและส่วนที่เหลือเป็นโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่อาศัย ในขณะที่มูลค่ายอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1.1 พันล้านบาท
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงดำเนินนโยบายทางการเงินแบบระมัดระวังต่อไป และเนื่องจากบริษัทมีแผนการจะเปิดตัวเฉพาะโครงการแนวราบเท่านั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 35% ต่อไปได้ในระยะ 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2565 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 29% บริษัทมีหนี้สินรวมจำนวน 1.29 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้จำนวน 9.5 พันล้านบาทและเงินกู้ระยะยาวจำนวน 3.4 พันล้านบาท ทั้งนี้ ประมาณ 1.9 พันล้านบาทของหนี้สินรวมของบริษัทเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน ดังนั้น อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมของบริษัทจึงมีสัดส่วนอยู่ที่ระดับ 15%
ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทจะมีเพียงพอในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 บริษัทมีแหล่งสภาพคล่องจากเงินสดในมือจำนวน 2.9 พันล้านบาทและวงเงินสินเชื่อระยะสั้นจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวนประมาณ 4.2 พันล้านบาท ส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานนั้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินที่ไม่ติดภาระเป็นหลักประกันคิดเป็นมูลค่าทุนอีกประมาณ 5.4 พันล้านบาทซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับการขอวงเงินสินเชื่อใหม่ได้อีกด้วย ในการนี้ บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าที่มูลค่า 6 พันล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 4 พันล้านบาทและเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระอีกจำนวน 2 พันล้านบาท
ตามข้อกำหนดทางการเงินระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนให้ต่ำกว่า 2 เท่า ซึ่ง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่เพียง 0.4 เท่า ดังนั้น บริษัทจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงรายได้และกำไรของบริษัทที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงสถานะทางการตลาดในธุรกิจบ้านจัดสรรที่อ่อนแอลง ทั้งนี้ ท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ผลการดำเนินงานของบริษัทอาจลดลงมากยิ่งขึ้นจากระดับในปัจจุบัน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
ทริสเรทติ้งอาจปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทกลับมาเป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? หากผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจนทำให้รายได้อยู่ในระดับเกินกว่า 1 หมื่นล้านบาทและ EBITDA อยู่ในระดับเกินกว่า 3 พันล้านบาทอย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกัน สถานะทางการเงินของบริษัทก็ไม่ควรถดถอยลงไปจากระดับในปัจจุบันด้วย ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงาน และ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทแย่ลงกว่าสมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ในระดับเกินกว่า 50% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA สูงเกินกว่า 5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
QH22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
QH243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
QH246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
QH255A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปี A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative