ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. เบทาโกร” เป็น “A” จาก “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 15, 2022 10:23 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ ?A? จากเดิมที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? การปรับเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นจากการที่บริษัทเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.) ตลอดจนผลการดำเนินงานของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น อันเป็นผลมาจากราคาสัตว์บกที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าราคาสัตว์บกจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในปี 2566 ก่อนที่ราคาจะค่อย ๆ ปรับลดลงในปี 2567

แนวโน้มอันดับเครดิต ?คงที่? สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อบริษัทว่าจะสามารถรักษาสถานะทางธุรกิจและการเงินเอาไว้ได้ และคงอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทให้ต่ำกว่าระดับ 4 เท่าได้อย่างต่อเนื่อง

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนปัจจัยเสี่ยงด้านอุตสาหกรรมอีกหลายประการ เช่น วงจรของสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ โรคระบาดในสัตว์ และการกีดกันทางการค้า อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตลอดจนกลยุทธ์ที่เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม และการจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเองก็ช่วยลดความกังวลดังกล่าวลงไปได้บางส่วน

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

โครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นมาก

ในเดือนพฤศจิกายน 2565 บริษัทได้ประสบความสำเร็จในการทำ IPO และจดทะเบียนใน ต.ล.ท. โดยสามารถระดมทุนได้ประมาณ 1.75 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินประมาณ 50% ของจำนวนดังกล่าวไปชำระคืนหนี้เดิม และส่วนที่เหลือจะใช้ในการขยายงานและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ที่ระดับ 2.2 เท่า ซึ่งลดลงมากเมื่อเทียบกับระดับ 5.6 เท่า ณ สิ้นปี 2564 เมื่อรวมฐานทุนที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนประมาณ 3-5 พันล้านบาทต่อปี คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะอยู่ที่ระดับ 1.5 เท่าในปี 2565 และ 2.5-3.9 เท่าในปี 2566-2567 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50% ในช่วงปี 2565-2567

ผลการดำเนินงานที่ดีมาจากราคาสัตว์บกที่เพิ่มขึ้น

บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีมากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 แม้ว่าราคาธัญพืชอาหารสัตว์จะเพิ่มขึ้นมาก ผลการดำเนินงานที่ดีเป็นผลมาจากราคาสัตว์บกที่เพิ่มสูงมาก โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ราคาเฉลี่ยสุกรและไก่เพิ่มขึ้น 32.7% และ 28.6% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ราคาสุกรปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากการระบาดของโรคอหิวาต์อาฟริกาในสุกร (African Swine Fever -- ASF) ในประเทศ ในขณะที่ราคาไก่ปรับเพิ่มขึ้นจากการเป็นสินค้าทดแทนสุกรและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดส่งออก

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 32.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 8.3 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาทเทียบกับระดับ 3.5 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2564 อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) อยู่ที่ 12.8% เทียบกับระดับ 6.6%-8.9% ในปี 2562-2564

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องไว้ได้ในช่วงหลายปีข้างหน้า แม้ว่าราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับสูง แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะยังได้รับประโยชน์จากราคาเนื้อสัตว์ที่อยู่ในระดับสูงจากภาวะการขาดแคลนของอุปทาน และความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและความกังวลด้านความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 1.0-1.1 แสนล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 อัตราส่วน EBITDA Margin คาดว่าจะอยู่ที่ 11.8% ในปี 2565 ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 5.3%-7.9% ในปี 2566-2567 และคาดว่า EBITDA จะอยู่ที่ระดับ 1.3 หมื่นล้านบาทในปี 2565 และ 5.5-8.7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2567

มีสภาพคล่องที่เพียงพอ

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยในช่วงดังกล่าวบริษัทมีความต้องการเงินทุนสำหรับใช้ชำระหนี้หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 2.8 พันล้านบาทและใช้เป็นงบเพื่อการลงทุนอีกจำนวน 4.7 พันล้านบาท ส่วนแหล่งเงินทุนในเบื้องต้นนั้นคาดว่าจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 7 พันล้านบาทในปี 2566 ในขณะที่สภาพคล่องจะมาจากเงินสดสำรองจำนวน 1.3 พันล้านบาทที่มีอยู่ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 รวมทั้งเงินที่ได้จากการทำ IPO และวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินหลายแห่ง

ตามข้อกำหนดทางการเงินของตราสารหนี้ที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้ต่ำกว่า 2 เท่านั้น อัตราส่วนดังกล่าวคาดว่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 เท่า ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทน่าจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวได้ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณการระหว่างปี 2565-2567

เป็นผู้นำในธุรกิจภาคเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย

บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจภาคเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยมากว่า 55 ปี โดยบริษัทเป็นผู้แปรรูปไก่รายใหญ่ลำดับที่ 3 ในตลาดภายในประเทศโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 11% ในปี 2564 (อันดับที่ 1 คือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (21%) และอันดับที่ 2 คือ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด (12%)) ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทยระบุว่าส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดไก่ส่งออกของบริษัทอยู่ที่ระดับประมาณ 8% ในปี 2564 นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตเนื้อสุกรคุณภาพสูงระดับแนวหน้าในประเทศไทยอีกด้วย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ประมาณ 10% ของการผลิตเนื้อสุกรภายในประเทศ

บริษัทดำเนินธุรกิจไก่และสุกรแบบครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ไปจนถึงการขยายพันธุ์ เลี้ยง และแปรรูป ทั้งนี้ บริษัทดำเนินกิจการทั้งการเลี้ยงสัตว์บกในฟาร์มของบริษัทเองและผ่านวิธีการเกษตรแบบพันธะสัญญา ซึ่งการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพและต้นทุนในการผลิตได้ บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมทั้งอาหารสัตว์ ไก่ สุกร และผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งความหลากหลายดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานของบริษัทลงได้บางส่วน ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์และฟาร์ม รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารคิดเป็นสัดส่วน 24% 61% และ 12% ของยอดขายรวมตามลำดับ

มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มและมีตราสินค้า

กลยุทธ์สำคัญของบริษัทคือการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มและมีตราสินค้าของบริษัทเองซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มผลกำไรและลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์จากฟาร์มซึ่งมีลักษณะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ได้บางส่วน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมียอดขายผลิตภัณฑ์อาหารที่มีมูลค่าเพิ่มคิดเป็นสัดส่วน 12% ของยอดขายรวม นอกจากนี้ บริษัทยังได้ตั้งศูนย์นวัตกรรมอาหารขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีแผนในการออกผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ ให้มากขึ้นในอนาคต

ความพยายามในการส่งเสริมการขายเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีตราสินค้าของบริษัท ความตระหนักในตราสินค้าสร้างความได้เปรียบให้แก่บริษัทเนื่องจากลูกค้ามักจะเลือกตราสินค้าที่ไว้วางใจได้ บริษัทมีตราสินค้าที่หลากหลายและเป็นที่รู้จัก ได้แก่ ?เอสเพียว? (S-Pure) และ ?เบทาโกร? (Betagro) สำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร ?อิโตแฮม? (ITOHAM) สำหรับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม ?เบ็ทเทอร์ ฟาร์ม่า? (Better Pharma) สำหรับยาและเวชภัณฑ์สัตว์ ในขณะที่ตราสินค้า ?เพอร์เฟคต้า? (Perfecta) ?ด็อก เอ็นจอย? (DOG n joy) และ ?แคท เอ็นจอย? (CAT n joy) สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? รายได้จากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น 24% มาอยู่ที่ระดับ 1.1 แสนล้านบาทในปี 2565 และอยู่ที่ระดับ 1.0-1.1 แสนล้านบาทในปี 2566-2567

? อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 19.4% ในปี 2565 และอยู่ในช่วงระหว่าง 14%-16% ในปี 2566-2567 ในขณะที่ EBITDA Margin จะอยู่ที่ 11.8% ในปี 2565 และอยู่ที่ระดับ 5.3%-7.9% ในปี 2566-2567

? ค่าใช้จ่ายลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 2.7 พันล้านบาทในปี 2565 และ 4.7-5.0 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2567

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจภาคเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยเอาไว้ได้ต่อไป ทั้งนี้ กลยุทธ์ที่บริษัทมุ่งเน้นความปลอดภัยทางชีวภาพ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานตลอดจนการเสนอขายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม น่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและยกระดับผลการดำเนินงานของบริษัทได้ในอนาคต

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากกระแสเงินสดของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงและมีนัยสำคัญในขณะที่บริษัทสามารถรักษาโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากบริษัทมีการลงทุนโดยใช้เงินกู้จำนวนมากจนอาจทำให้งบการเงินและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลง จนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทสูงกว่าระดับ 4 เท่าอย่างต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG)

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

BTG233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

BTG238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

BTG247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A

BTG248A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A

BTG258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ