ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันในสัดส่วน 70% ของบริษัทที่ระดับ ?A? และหุ้นกู้มีการค้ำประกันในสัดส่วน 85% ที่ระดับ ?A+? ด้วย โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันบางส่วนจาก Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?AAA/Stable?
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ซึ่งไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 4 พันล้านบาทที่ระดับ ?BBB+? โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดนี้ไปไถ่ถอนหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนจำนวน 2 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นี้ ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทในฐานะเป็นผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG (Liquefied Petroleum Gas) รายใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศไทย การมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุม และฐานลูกค้าที่กระจายในหลายภูมิภาค อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนจากความอ่อนไหวของธุรกิจต่อความผันผวนของราคา LPG ในตลาดต่างประเทศรวมถึงแนวโน้มภาระหนี้สินของบริษัทที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากแผนการลงทุนในโครงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG (Liquefied Natural Gas)
ปริมาณการขาย LPG ของบริษัทค่อย ๆ ฟื้นตัวจากช่วงเวลาที่ยากลำบากจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ปริมาณการขายของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.59 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยปริมาณการขายระหว่างประเทศปรับเพิ่มเป็นประมาณ 2 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 7.6% ในขณะที่ปริมาณการขายในประเทศก็เริ่มปรับสูงขึ้นเป็นประมาณ 0.59 ล้านตัน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นประมาณ 6.1% การฟื้นตัวของยอดขายในตลาดประเทศจีนซึ่งมีสัดส่วนถึง 30% ของปริมาณการจำหน่ายทั้งหมด ยังคงช้ากว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการปิดเมืองในประเทศที่ยาวนาน ปริมาณการขายในจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ปรับเพิ่มขึ้น 17.9% จากปีก่อนเป็น 0.76 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม จำนวนดังกล่าวยังต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด 19 ที่อยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปีค่อนข้างมาก
ถึงแม้ว่าปริมาณการขายจะฟื้นตัว แต่ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทได้รับผลกระทบในเชิงลบจากราคา LPG ที่ปรับลดลงอย่างมากในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 โดยผลกำไรของบริษัทปรับลดลงอย่างมากและเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยบริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ใน 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 2.31 พันล้านบาท ลดลง 50% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากราคา LPG มีการปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่า EBITDA ของบริษัทน่าจะขยับเข้าสู่ระดับปกติที่ 3.0-3.5 พันล้านบาทต่อปีได้
ทริสเรทติ้งคาดว่าความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทน่าจะอ่อนลง เมื่อพิจารณาถึงแผนการลงทุนในโครงการนำเข้า LNG ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 8 พันล้านบาท ภาระหนี้สินของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในระหว่างการพัฒนาโครงการ แต่ก็ยังน่าจะอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ไม่น่าจะเกิน 5 เท่าไปมากนัก และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินน่าจะลดลง แต่จะยังสูงกว่า 10% ในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้า
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 บริษัทมีภาระหนี้สินจำนวน 1.83 หมื่นล้านบาทซึ่งรวมถึงหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนจำนวนประมาณ 5.8พันล้านบาท ดังนั้น อัตราส่วนของหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้ทั้งหมดของบริษัทจึงอยู่ที่ระดับประมาณ 31.6%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะที่แข็งแกร่งในการเป็นผู้จัดจำหน่าย LPG รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทยเอาไว้ได้ โดยกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการดำเนินงานภายในประเทศจะยังคงช่วยลดทอนความผันผวนของผลการดำเนินงานในต่างประเทศต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าธุรกิจค้าก๊าซในตลาดต่างประเทศจะยังคงทำกำไรได้ แม้ว่าบริษัทจะเผชิญกับความเสี่ยงด้านราคาที่ไม่แน่นอนก็ตาม
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นนั้นยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะใกล้เนื่องจากบริษัทมีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการนำเข้า LNG ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลง หากสถานะทางการเงินของบริษัทด้อยลงอย่างมาก ซึ่งอาจจะเกิดได้จากภาระหนี้สินต่อ EBITDA ของบริษัทอยู่สูงกว่า 5-6 เท่าและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อภาระหนี้สินต่ำกว่า 10% อย่างยาวนาน
อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทสะท้อนคุณภาพเครดิตของทั้งผู้ออกหุ้นกู้และผู้ค้ำประกันคือ CGIF ซึ่งอันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณภาพเครดิตของบริษัทหรือของผู้ค้ำประกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
SGP232A: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน (85%) 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
SGP23DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน (70%) 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A
SGP241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
SGP262A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 BBB+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable