ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?AA? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตดังกล่าวมีระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (?AA+/Stable?)* อยู่ 1 ขั้นซึ่งสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงเทพ ทั้งนี้ สถานะกลุ่ม (Group Status) ของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากการมีบูรณาการทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกับและการได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงเทพ
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงเทพ
ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าธนาคารกรุงเทพมีพันธสัญญาระยะยาวที่เข้มแข็งในการให้การสนับสนุนแก่บริษัท ทั้งนี้ จากการที่บริษัทมีธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดและมีบทบาทที่เป็นส่วนสำคัญของธนาคารแม่ บริษัทจึงมีหน้าที่เป็นหน่วยธุรกิจในด้านตลาดทุนของธนาคารโดยให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินในตลาดทุนแบบครบวงจรแก่ลูกค้าของกลุ่ม
นอกจากนี้ บริษัทยังมีบูรณาการที่แข็งแกร่งกับธนาคารกรุงเทพดังจะเห็นได้จากการแนะนำลูกค้าและการมีความร่วมมือระหว่างกันของหน่วยงานทั้งสองอีกด้วย ในการนี้ บริษัทใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาที่กว้างขวางและช่องทางธุรกรรมการธนาคารผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Banking Platform) ของธนาคารแม่เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยประมาณ 50% ของบัญชีที่เปิดใหม่ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 เป็นลูกค้าที่ได้รับการแนะนำมาจากธนาคารกรุงเทพทั้งสิ้น
นโยบายในการดำเนินธุรกิจและนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทถูกกำหนดและควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากธนาคารแม่โดยผ่านทางตัวแทนที่เป็นคณะกรรมการของบริษัท อีกทั้งบริษัทยังนำวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่รัดกุมของธนาคารแม่มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทด้วยดังจะเห็นได้จากนโยบายของบริษัทที่จะไม่มีส่วนร่วมในการซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยบัญชีของบริษัท (Proprietary Trading) เหมือนบริษัทหลักทรัพย์อื่น ๆ ส่วนใหญ่
รักษาตำแหน่งผู้นำตลาดเอาไว้ได้
บริษัทสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของกลุ่มด้วยการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในด้านต่าง ๆ เอาไว้ได้ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้ส่งเข้ากลุ่มที่ค่อนข้างน้อยก็ตาม ซึ่งในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าสิ่งดังกล่าวเป็นปัจจัยตอกย้ำความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อธนาคารกรุงเทพ
สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ บริษัทยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในแง่ของส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ได้เกือบทุกปี โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ในอันดับที่หนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมด้วยส่วนแบ่งที่ระดับ 9.7% บริษัทยังเป็นอันดับที่สองในด้านรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจในปี 2564 อีกด้วย โดยความสำเร็จดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจวาณิชธนกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเองและการแนะนำธุรกรรมวาณิชธนกิจจากธนาคารกรุงเทพ
ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารกรุงเทพ
นอกจากจะมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งแล้ว บริษัทยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกรุงเทพในรูปของวงเงินสินเชื่อซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 บริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพจำนวน 1.69 หมื่นล้านบาทและยังได้รับวงเงินสินเชื่อจำนวน 735 ล้านบาทจากสถาบันการเงินอื่น ๆ อีกหลายแห่งซึ่งช่วยสนับสนุนความต้องการด้านสภาพคล่องของบริษัท
คาดว่ามูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะลดลง
ตลาดหุ้นของประเทศไทยได้สร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญในปี 2565 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศที่ฟื้นตัวกลับมา อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยก็ยังได้รับแรงกดดันส่วนหนึ่งที่มาจากความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจจะถดถอยทั่วโลกจากการดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดยิ่งขึ้นของธนาคารกลางที่สำคัญ ๆ ทั่วโลกหลายแห่ง โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานว่ามูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยรายวันในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2565 ปรับตัวลดลงเหลือ 7.3 หมื่นล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 9 หมื่นล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2564 ส่งผลทำให้บริษัทหลักทรัพย์ในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งรายงานการลดลงของรายได้ที่ระดับ 15.6% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ส่วนสำหรับในปี 2566 นั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นจะลดลงจากระดับในช่วงระหว่างปี 2564-2565 เนื่องจากอัตราการเก็บภาษีกำไรจากการขายหุ้นอัตราใหม่ที่จะเริ่มเรียกเก็บในปี 2566 และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มเข้มงวดขึ้น
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งตั้งอยู่บนความคาดหมายที่บริษัทจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มธนาคารกรุงเทพต่อไป
?
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มธนาคารกรุงเทพและจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางด้านธุรกิจและการเงินอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่ต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
ความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้หากสถานะเครดิตของธนาคารกรุงเทพเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสำคัญจนส่งผลทำให้ต้องมีการทบทวนอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคาร หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงการประเมินของทริสเรทติ้งในเรื่องสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารกรุงเทพ
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (BLS)
อันดับเครดิตองค์กร: AA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable