ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดปัจจุบันของบริษัท ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนภายใน 5 ปีของบริษัทที่ระดับ "BBB+" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ไปใช้ชำระคืนหนี้และขยายพอร์ตสินเชื่อ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์เป็นประกัน (Title Loan) ตลอดจนฐานเงินทุน ความสามารถในการก่อหนี้ และการทำกำไรที่แข็งแกร่ง รวมถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายและสภาพคล่องที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบาง และการที่บริษัทมีสินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันและสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งมีความเสี่ยงสูงอยู่ในสัดส่วนจำนวนมาก
ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 เป็นไปในทิศทางที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ระดับ 4.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตที่มากกว่าสมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง แม้ว่าพอร์ตสินเชื่อคงค้างของบริษัทจะขยายตัวขึ้นอย่างมากแต่บริษัทก็มีรายได้สุทธิลดลง 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นของบริษัทเงินสดทันใจออกไปในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 และจากการกลับรายการค่าใช้จ่ายสำรองที่สูงกว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมาจากการจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นตามแผนการขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดก็ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันจากกลยุทธ์ในการเพิ่มยอดสินเชื่อ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการขยายสาขา
จากการชยายฐานสินเชื่อที่แข็งแกร่งและการเร่งติดตามหนี้และการยึดหลักประกันทำให้อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวมของบริษัทนั้นปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.65% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 จาก 3.65% ณ สิ้นปี 2564 อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตที่เกิดขึ้นใหม่ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ปรับสูงขึ้นจากช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับผู้ประกอบการรายอื่น
ทริสเรทติ้งคาดว่าจะมีแรงกดดันจากคุณภาพสินทรัพย์ในอนาคตจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ ภาวะเงินเฟ้อที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น และการกลับมาขยายสินเชื่อที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดของบริษัท โดยเฉพาะสินเชื่อที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงอย่างสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าระดับของคุณภาพสินทรัพย์จะยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ฐานทุนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่เข้มแข็งและเป็นปัจจัยบวกสำหรับอันดับเครดิต อย่างไรก็ตาม การขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ 35.2% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 จากระดับ 49.4% ณ สิ้นปี 2564
ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทนั้นพิจารณาจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 9.0% (ปรับเป็นตัวเลขเต็มปี) ใน 9 เดือนแรกของปี 2565 เทียบกับ 12.6% ในปี 2564 ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการสร้างกำไรของบริษัทจะได้รับแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานสำหรับการขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวมที่อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนและความอ่อนแอของสถานะเครดิตของลูกหนี้โดยทั่วไป แม้จะมีแรงกดดัน แต่ทริสเรทติ้งก็ยังมองว่าอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 9%-10% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม การปรับลดลงอย่างต่อเนื่องของอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอาจส่งผลเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางธุรกิจและผลการดำเนินงานทางการเงินให้อยู่ในระดับแข็งแกร่งต่อไปได้ ในขณะที่คุณภาพสินทรัพย์จะยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และฐานเงินทุนจะยังคงแข็งแกร่ง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่องในขณะที่บริษัทยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจเอาไว้ได้โดยสัดส่วนของสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันไม่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลทำให้อัตราส่วนต้นทุนทางด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวมเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 3% หรือสถานะเงินทุน ความสามารถในการก่อหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างชัดเจนโดยอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 25% อย่างต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563
บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) (SAWAD)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
SAWAD253A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 657 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
SAWAD258A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,882.6 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
SAWAD266A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,343 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 BBB+
หุ้นกู้มีการค้ำประกันวงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท อายุไม่เกิน 5 ปี BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable