ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรตลอดจนหุ้นกู้มีหลักประกันและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A+? พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน ไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกกิจการ (Hybrid Debentures) ของบริษัทที่ระดับ ?A-?
ในขณะเดียวกันทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.2 หมื่นล้านบาทซึ่งไถ่ถอนภายใน 12 ปีของบริษัทที่ระดับ ?A+? ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง ?Stable? หรือ ?คงที่?
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทซึ่งมาจากปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ อาทิ การเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในประเทศไทย การมีเครือข่ายร้านค้าที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทั่วประเทศ และการมีธุรกิจสนับสนุนที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทยังได้รับแรงเสริมจากสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทย่อยคือ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO) ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งสินค้าประเภทอาหาร รวมทั้ง บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (LOTUSS) และ Lotus?s Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. ซึ่งเป็นผู้ประกอบการไฮเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ภายใต้แบรนด์ ?Lotus?s? ทั้งในประเทศไทยและประเทศมาเลเซียอีกด้วย
ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 6.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 62.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมาอยู่ที่ระดับ 5.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้รายได้และ EBITDA ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนั้นมีสาเหตุหลักมาจากการรวมงบการเงินของ บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (CPRD) ซึ่งรวมถึงผลการดำเนินงานของ Lotus?s ในประเทศไทยและประเทศมาเลเซียเข้ามาในเดือนตุลาคม 2564 ผนวกกับการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจพื้นที่ให้เช่าของบริษัท
แม้ว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.2 แสนล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2565 จากระดับ 2.8 แสนล้านบาทในปี 2563 แต่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 59.5% ณ เดือนกันยายน 2565 จากระดับ 75.3% ในปี 2563 อันเป็นผลจากการรวมงบการเงินดังที่กล่าวแล้วข้างต้น ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 6 เท่าจากระดับ 5.7 เท่าในปี 2563
ในอนาคตข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทน่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวและการที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ กลับสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 5.8 เท่าในปี 2565 และจะลดลงต่ำกว่า 5 เท่าภายในปี 2567 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทน่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 58% ในระหว่างปี 2565-2567
ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท และทริสเรทติ้งยังคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งทริสเรทติ้งประเมินว่าเงินสดในมือและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทมีเพียงพอสำหรับใช้ในการชำระหนี้ที่จะครบกำหนดจำนวนประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท และค่าใช้จ่ายตามแผนลงทุนอีกประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท
ตามข้อกำหนดทางการเงินของตราสารหนี้ที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ให้ต่ำกว่า 2 เท่านั้น ณ เดือนกันยายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1 เท่า ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทน่าจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวได้ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณการ
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำและความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ได้ อีกทั้งจะยังคงมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดีต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทจะยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคตต่อไปได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากโครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมากซึ่งส่งผลทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ในระดับต่ำกว่า 5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาดการณ์อย่างชัดเจน หรือบริษัทมีการก่อหนี้เพื่อขยายการลงทุนจำนวนมากจนคาดว่าจะส่งผลทำให้โครงสร้างเงินทุนอ่อนแอลงโดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ในระดับสูงเกินกว่า 8 เท่าเป็นระยะเวลานาน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Securities), 28 มิถุนายน 2564
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CPALL23OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 4,132 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL23OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 10,990 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 5,379.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPALL243B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 9,934.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPALL248B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีหลักประกัน 10,439 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPALL233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 937 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL233B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
CPALL246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
CPALL256B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 13,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPALL256C: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
CPALL263A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,074 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
CPALL263B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
CPALL266A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 17,773 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
CPALL268A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 748 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
CPALL271A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,466 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL275A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,698.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL275B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL278A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL278B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,548.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL27NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A+
CPALL283A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,607 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPALL283B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPALL286A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,376 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPALL288A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,851 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A+
CPALL291A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,920 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A+
CPALL293A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A+
CPALL298A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,738.6 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A+
CPALL305A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,169.3 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A+
CPALL305B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A+
CPALL311A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,614 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
CPALL313A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
CPALL316A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 21,351 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A+
CPALL325A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,632 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A+
CPALL328A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 899.8 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A+
CPALL336A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2576 A+
CPALL359A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2578 A+
CPALL363A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2579 A+
CPALL378A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,386.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2580 A+
CPALL21PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 10,000 ล้านบาท A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 12 ปี A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable