ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Positive? หรือ ?บวก? พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาทไถ่ถอนภายใน 4 ปีของบริษัทที่ระดับ ?A-? เช่นเดียวกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้บางส่วนและเพื่อขยายธุรกิจ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทและความคาดหมายว่าบริษัทจะคงระดับรายได้และการเติบโตของอัตรากำไรเอาไว้ได้ ตลอดจนการมีสินค้าที่อยู่อาศัยจำนวนมากที่มีความหลากหลายและส่วนแบ่งกำไรจำนวนมากจากโครงการภายใต้กิจการร่วมทุนอย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็สะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับต้นทุนการก่อสร้างและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของบริษัทในระยะสั้นถึงปานกลางด้วย
บริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2565 ยอดขายของบริษัท (รวมโครงการภายใต้กิจการร่วมทุน) ทำยอดสูงสุดใหม่ที่ 5.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ก็เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนไปอยู่ที่ 2.98 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 85% ของประมาณการรายได้ทั้งปีของทริสเรทติ้ง โดยประมาณ 92% ของรายได้รวมของบริษัทมาจากโครงการบ้านจัดสรร ขณะที่รายได้ส่วนที่เหลือมาจากโครงการคอนโดมิเนียมและรายได้ค่าบริหารโครงการและการบริการ
ณ เดือนกันยายน 2565 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ (รวมกิจการร่วมทุน) รวมทั้งสิ้น 2.91 หมื่นล้านบาท ซึ่งประมาณ 8-9 พันล้านบาทของยอดขายดังกล่าวคาดว่าจะส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ในช่วงที่เหลือของปี 2565 และส่วนที่เหลือจะส่งมอบได้ในช่วง 2 ปีถัดไป อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อรายได้ (EBITDA Margin) ของบริษัททรงตัวอยู่ในระดับ 19%-20% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อัตราส่วนนี้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 21% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนกำไรให้อยู่ในระดับนี้ต่อไปในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ภาระหนี้ของบริษัทค่อย ๆ ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุน (รวมเงินกู้จากกิจการร่วมทุนตามสัดส่วน 51%) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 39.3% ลดลงจาก 42.8% ในปี 2564 46.6% ในปี 2563 และ 56.5% ในปี 2562 ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทอยู่ที่ 2.98 เท่าและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ 25.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 3.81 เท่า และ 19.9% ตามลำดับ ในปี 2564
บริษัทมีเงื่อนไขทางการเงินของเงินกู้ยืมที่มีกับธนาคารและหุ้นกู้ซึ่งกำหนดให้บริษัทจะต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ให้อยู่ในระดับเกินกว่า 2 เท่า โดยบริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าว ณ เดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ระดับ 0.5 เท่า ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงเชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องกับเงื่อนไขทางการเงินของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ได้ ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวม ณ เดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ระดับต่ำเพียง 6%
ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบไปด้วยเงินสดในมือจำนวน 2 พันล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่ติดเงื่อนไขในการเบิกอีกจำนวน 8.4 พันล้านบาท อีกทั้งเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทยังคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5.0-5.2 พันล้านบาท ในขณะที่เงินทุนที่บริษัทจะต้องใช้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับ 6.2 พันล้านบาทซึ่งประกอบด้วยภาระในการจ่ายชำระเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 1.5 พันล้านบาท หนี้สินตามสัญญาเช่าการเงินจำนวน 0.1 พันล้านบาทและหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 4.6 พันล้านบาท
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Positive? หรือ ?บวก? สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งทั้งในตลาดบ้านจัดสรรและตลาดคอนโดมิเนียมเอาไว้ได้ อีกทั้งบริษัทจะยังคงรักษารายได้และระดับการเติบโตของกำไรเอาไว้ได้ในขณะที่ยังสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้อยู่ในระดับประมาณ 45%
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นได้หากสถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นโดยที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 40%-45% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับประมาณ 20% อย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากจากระดับในปัจจุบันซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่า 55% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินต่ำกว่า 10% อย่างต่อเนื่อง
?
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- การจัดอันดับเครดิตบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย, 12 มกราคม 2566
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AP)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
AP238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,230 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
AP238B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
AP241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
AP247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
AP248A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 770 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
AP251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
AP251B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
AP257A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
AP258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 850 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
AP261A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-
AP267A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive