ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ไฟฟ้าน้ำงึม 2” ที่ “A”, แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 31, 2023 17:01 —ทริส เรตติ้ง

อันดับเครดิตของบริษัทที่ระดับ ?A? อยู่บนพื้นฐานที่อันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile -- SACP) ของบริษัทอยู่ในระดับ ?a? และจากมุมมองของทริสเรทติ้งที่เห็นว่าบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลัก (Core Subsidiary) ของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP, ได้รับอันดับเครดิต ?A/Stable?) ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงสร้างรายได้เป็นสัดส่วนสำคัญให้แก่กลุ่มต่อไป

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้ซื้อที่มีความน่าเชื่อถือ

บริษัทเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำน้ำงึมในเขตภาคกลางของ สปป.ลาว โดยมีกำลังการผลิตที่ขนาด 615 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่ กฟผ. ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้านาน 25 ปี ซึ่งความแข็งแกร่งด้านเครดิตของ กฟผ. บ่งบอกถึงการที่บริษัทมีความเสี่ยงจากคู่สัญญาที่อยู่ในระดับต่ำ

นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่อยู่บนพื้นฐานของการจ่ายค่าไฟฟ้าทั้งหมดซึ่งสามารถเรียกรับไฟฟ้าส่วนที่ขาดให้ครบได้ในภายหลัง (Take-or-Pay) นั้นยังช่วยบรรเทาความเสี่ยงด้านการตลาดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดย กฟผ. จะต้องรับซื้อไฟฟ้าในปริมาณสูงสุดไม่เกิน 2,310 ล้านหน่วย (Gigawatt-hour -- GWh) ต่อปี ทั้งนี้ ปริมาณไฟฟ้าเป้าหมายต่อปีจำแนกเป็นปริมาณไฟฟ้าหลักจำนวน 2,218 ล้านหน่วยและปริมาณไฟฟ้ารองจำนวน 92 ล้านหน่วย

ถึงแม้ว่าโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จะดำเนินงานอยู่ใน สปป.ลาว แต่ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าความเสี่ยงของประเทศนั้นถูกลดทอนลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากโรงไฟฟ้าถูกตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลลาว เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้มายังประเทศไทย นอกจากนี้ สัญญาสัมปทานที่บริษัทมีกับรัฐบาล สปป. ลาว ยังช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากการโอนเงินและการแปลงสกุลเงินตราอีกด้วย โดยสัญญาสัมปทานให้สิทธิ์บริษัทในการรับรายได้และพักเงินในบัญชีเงินฝากที่อยู่นอก สปป. ลาว ดังนั้น รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าที่ได้รับจาก กฟผ. จึงใช้วิธีจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากของบริษัทในประเทศไทย

มีประวัติการดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับ

บริษัทได้ทำสัญญาเดินเครื่องและบำรุงรักษากับ กฟผ. ซึ่งครอบคลุมตลอดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าซึ่ง กฟผ. มีความชำนาญและมีประสบการณ์ที่ยาวนานในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศไทย นอกจากนี้ กฟผ. ยังให้บริการการซ่อมบำรุงใหญ่ให้แก่บริษัทอีกด้วย

นับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินงาน โรงไฟฟ้าของบริษัทมีค่าความพร้อมอยู่ในระดับที่สูงกว่า 94% มาโดยตลอดยกเว้นในช่วงปี 2561-2562 ที่ความพร้อมโรงไฟฟ้าของบริษัทอยู่ที่ระดับ 92%-93% เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามวาระในปี 2561 และปัญหาปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอสำหรับการผลิตในปี 2562 โดยในปี 2566-2568 โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 มีกำหนดการสำหรับการซ่อมบำรุงใหญ่

อ่อนไหวต่อความไม่แน่นอนของทรัพยากรน้ำ

ทริสเรทติ้งเห็นว่าบริษัทมีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงของปริมาณน้ำ โดยผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำนั้นขึ้นอยู่กับความพอเพียงของปริมาณน้ำเป็นหลักซึ่งอาจมีความผันผวนอย่างมีนัยสำคัญในแต่ละปี ทั้งนี้ ความผันผวนของปริมาณน้ำที่อยู่ในระดับสูงจะส่งผลให้การผลิตไฟฟ้ามีความไม่แน่นอนและอาจทำให้รายได้ลดลงในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจส่งผลต่อความพอเพียงของกระแสเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายคงที่ในการดำเนินงาน นอกจากนี้ แม้ปริมาณน้ำสำรองในอ่างเก็บน้ำของบริษัทจะสามารถช่วยบรรเทาความผันผวนของปริมาณน้ำได้ในระยะสั้น แต่ภาวะภัยแล้งที่ยืดเยื้อก็อาจส่งผลให้บริษัทผลิตไฟฟ้าได้น้อยลงและทำให้มีรายได้ลดลงในช่วงดังกล่าว

โครงสร้างสัญญาช่วยบรรเทาความเสี่ยงหลักลงได้

สัญญาซื้อขายไฟฟ้ามีกลไกที่ช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากปริมาณน้ำ โดยเงื่อนไขในสัญญาจะอนุญาตให้บริษัทสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้มากเกินกว่าปริมาณเป้าหมายในปีที่มีน้ำมาก ในขณะที่ปีที่มีน้ำน้อยบริษัทจะได้รับเงินสดจากการนำไฟฟ้าที่ผลิตเกินกว่าเป้าหมายดังกล่าวมาใช้ และในกรณีที่บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าได้ต่ำกว่าปริมาณไฟฟ้าเป้าหมายต่อปี ปริมาณไฟฟ้าในส่วนที่ขาดนี้ก็สามารถนำไปทบกับปริมาณไฟฟ้าเป้าหมายของปีถัด ๆ ไปได้

นอกจากนี้ สำหรับกรณีที่ปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอสำหรับการผลิตไฟฟ้าตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า บริษัทยังมีสิทธิ์ที่จะประกาศให้ปีนั้นเป็นปีแล้งสำหรับการดำเนินงานได้อีกด้วย ทั้งนี้ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้านั้นบริษัทมีข้อผูกพันที่จะต้องดำรงความพร้อมจ่ายไฟฟ้าให้มีไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวันในแต่ละเดือนและไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันในแต่ละปี การประกาศให้เป็นปีแล้งจะทำให้บริษัทไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาได้ชั่วคราว ซึ่งบริษัทจะสามารถประกาศได้ 2 ครั้งตลอดระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าซึ่งกินเวลานาน 25 ปี โดยบริษัทได้ประกาศปีแล้งครั้งแรกในปี 2563 แม้ว่าสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะให้โอกาสแก่บริษัทในการประกาศให้เป็นปีแล้ง แต่หากบริษัทยังคงประสบกับภาวะความแห้งแล้งอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีก็อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้เช่นกัน

แนวโน้มปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำที่มากขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว

ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในแต่ละปีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่บริษัทได้ประสบกับปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในระดับต่ำที่สุดที่ 3,639 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ในปี 2562 โดยในปี 2565 ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำอยู่ที่ 4,810 ลบ.ม. เพิ่มขึ้น 11.8% จาก 4,301 ลบ.ม. ในปี 2564 อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำในปี 2565 ยังคงต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยที่ 6,377 ลบ.ม. (เฉลี่ยปี 2497-2561) การที่ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของบริษัทอยู่ที่ 358.1 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ณ สิ้นปี 2565 นั้นทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะดำเนินการผลิตไฟฟ้าอย่างระมัดระวังในการที่จะบริหารจัดการระดับน้ำที่มีอยู่เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ในปี 2566

ประมาณการผลการดำเนินงานในอนาคตอย่างระมัดระวัง

แม้ว่าบริษัทจะมีรายได้ที่ลดลงเล็กน้อยในปี 2565 แต่ผลการดำเนินงานดังกล่าวยังถือว่าเป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งคาดหมายไว้ ทั้งนี้ บริษัทได้ผลิตไฟฟ้าอย่างระมัดระวังเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เป็นผลให้บริษัทผลิตไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 1,655 ล้านหน่วยในปี 2565 ซึ่งลดลง 10% จากปีก่อนหน้า โดยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ประกอบด้วยปริมาณไฟฟ้าหลักจำนวน 1,644 ล้านหน่วย และปริมาณไฟฟ้ารองจำนวน 11 ล้านหน่วย ในการนี้ ปริมาณไฟฟ้าหลักบรรลุเป้าหมายที่ระดับประมาณ 74% ของปริมาณไฟฟ้าเป้าหมายต่อปีซึ่งสะท้อนถึงปริมาณน้ำไหลเข้าที่อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยปริมาณน้ำไหลเข้านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ

บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 2.73 พันล้านบาทในปี 2565 ลดลง 4% จากปี 2564 มีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้ว 9.4 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 ลดลงจาก 1.09 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 ส่งผลทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.4 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ 45.8% ณ สิ้นปี 2565

จากรูปแบบของกระแสน้ำในช่วงปีก่อนหน้านี้ ทริสเรทติ้งจึงตั้งสมมติฐานอย่างระมัดระวังในประมาณการกรณีพื้นฐานสำหรับปี 2566-2568 โดยทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะขายไฟฟ้าปีละ 1,650 ล้านหน่วยในปี 2566-2567 จากที่เคยประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ปีละ 2,000 ล้านหน่วย โดยคาดว่าระดับน้ำไหลเข้าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2568 และขายไฟฟ้าได้ 1,800 ล้านหน่วย ส่งผลให้บริษัทมี EBITDA 2.6-2.7 พันล้านบาทต่อปีในปี 2566-2567 และ 3 พันล้านบาทในปี 2568

ภาระหนี้ยังคงลดลง

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ใด ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้นอกจากการซ่อมบำรุงตามแผนงานเท่านั้น ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับการซ่อมบำรุงทั้งสิ้น 141 ล้านบาทในช่วงปี 2566-2568 จากตารางการชำระคืนหนี้และแผนการเงินของบริษัท ทริสเรทติ้งประมาณการว่าหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาทภายในปี 2568 และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะอยู่ที่ระดับ 2.8 เท่าในปี 2566 และลดลงเป็น 2 เท่าและ 1.5 เท่าในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ทริสเรทติ้งประมาณการอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ประมาณ 40% ในปี 2566 และลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 30% ภายในปี 2568

มีเงินสดเพียงพอสำหรับภาระหนี้ในระยะสั้น

บริษัทยังคงมีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังในการสำรองเงินสดสำหรับการชำระคืนหนี้เงินกู้ในงวดถัด ๆ ไป นอกจากนี้ บริษัทยังพยายามที่จะคงเงินสดเอาไว้ไม่ต่ำกว่าประมาณ 700 ล้านบาทสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานในระยะเวลาประมาณ 12 เดือนข้างหน้าอีกด้วย ณ เดือนธันวาคม 2565 บริษัทมีเงินสดในมือประมาณ 2.8 พันล้านบาท ในขณะที่ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ระดับประมาณ 2.1 พันล้านบาทในปี 2566 โดยที่เงินสดในมือเมื่อรวมกับประมาณการเงินทุนจากการดำเนินงานแล้วน่าจะเพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้หุ้นกู้มูลค่าประมาณ 1.3 พันล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

โครงสร้างหนี้

ณ สิ้นปี 2565 หนี้สินของบริษัทจำนวน 1.25 หมื่นล้านบาทเป็นหนี้หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันทั้งหมด ดังนั้น บริษัทจึงไม่มีหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน (Priority Debt) แต่อย่างใด

เป็นบริษัทย่อยหลักของ CKP

บริษัทมีฐานะเป็นบริษัทย่อยของ CKP ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทจำนวน 46% และมีการควบคุมทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและการเงินของบริษัทโดยตรง ทั้งนี้ โดยปกติแล้วบริษัทจะสร้าง EBITDA ให้แก่การลงทุนด้านไฟฟ้าทั้งหมดของ CKP ที่ระดับประมาณ 60%-70% ดังนั้น ในฐานะที่เป็นผู้สร้างรายได้จำนวนมากให้แก่กลุ่ม ทริสเรทติ้งจึงถือว่าบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของกลุ่ม ดังนั้น อันดับเครดิตของบริษัทจึงเท่ากับอันดับเครดิตของ CKP ซึ่งเป็นไปตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ? (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? ปริมาณไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่ กฟผ. จำนวน 1,650 ล้านหน่วยในปี 2566-2567 และ 1,800 ล้านหน่วยในปี 2568

? คาดว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทจะมีความพร้อมมากกว่า 92% ตลอดช่วงประมาณการระหว่างปี 2566-2568

? อัตราค่าไฟฟ้าจะได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

? ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินงานและซ่อมบำรุงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ต่อปีในช่วงปี 2566-2568

? ค่าใช้จ่ายสำหรับการซ่อมบำรุงจำนวนรวม 141 ล้านบาทในปี 2566-2568

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากโรงไฟฟ้าโดยมีสมมติฐานว่าปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนจะอยู่ที่ระดับประมาณค่าเฉลี่ยในระยะยาว นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถบริหารจัดการโรงไฟฟ้าและปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปซึ่งจะทำให้บริษัทบรรลุการผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายตลอดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่เหลือ

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีจำกัด ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งได้ประมาณการไว้ และส่งผลให้กระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้เสื่อมถอยลงอย่างมีสาระสำคัญ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ? ของทริสเรทติ้ง การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของอันดับเครดิตของ CKP จะมีผลกระทบโดยตรงต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด (NN2PC)

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

NNPC239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

NNPC24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A

NNPC253A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A

NNPC259A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A

NNPC273A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A

NNPC27OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A

NNPC303A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ